สารบัญ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6555/2567

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6555/2567

ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ม. 1172 วรรคหนึ่ง, 1195

แม้ ป.พ.พ. มาตรา 1172 วรรคหนึ่ง และข้อบังคับของบริษัทมิได้กำหนดรูปแบบในการประชุมของคณะกรรมการเพื่อมีมติเรียกประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นไว้ แต่เมื่อต้องมีการประชุมย่อมต้องหมายความว่า เป็นกรณีที่กรรมการของบริษัทต้องร่วมกันในการปรึกษาหารือและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันเกี่ยวกับเรื่องที่จะประชุมก่อนลงมติว่าจะเรียกประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นหรือไม่ ดังนั้น การที่ผู้คัดค้านที่ 1 มีหนังสือลงวันที่ 15 มกราคม 2563 แจ้งให้คณะกรรมการบริษัทลงมติเพื่อเรียกประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2563 และให้แจ้งกลับไปภายในวันที่ 22 มกราคม 2563 เพื่อสรุปผลการลงมติคณะกรรมการบริษัทในวันที่ 23 มกราคม 2563 ซึ่งใช้เกณฑ์นับคะแนนในการลงมติ 1 เสียง ต่อกรรมการ 1 คน โดยหนังสือดังกล่าวไม่ได้ระบุให้มีการนัดเรียกประชุมคณะกรรมการเพื่อขอมติที่ประชุมคณะกรรมการเสียงข้างมากให้เรียกประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นในวันดังกล่าวด้วย กรณีจึงมิใช่เป็นการนัดเรียกประชุมคณะกรรมการเพื่อลงมติให้มีการเรียกประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ทั้งไม่มีการประชุมปรึกษาของคณะกรรมการในเรื่องดังกล่าว เช่นนี้ แม้ผู้ร้องจะได้รับหนังสือแจ้งให้ลงมติเพื่อเรียกประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2563 และผู้คัดค้านทั้งสองจะเบิกความว่า มีการประชุมคณะกรรมการในวันที่ 23 มกราคม 2563 ด้วย ก็ไม่อาจรับฟังได้ว่าเป็นการนัดเรียกประชุม การประชุม และการลงมติของคณะกรรมการให้เรียกประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2563 โดยชอบ ส่วนประกาศให้ประชุมคณะกรรมการบริษัทในวันที่ 23 ของทุกเดือน ประกาศกำหนดวันนัดดังกล่าวเป็นเพียงประมาณการวันนัดประชุมคณะกรรมการเท่านั้น เพราะยังอาจมีการเลื่อนหรืองดประชุมได้ ทั้งเป็นการประชุมเกี่ยวกับการบริหารงานทั่ว ๆ ไปของบริษัท ไม่อาจหมายความรวมถึงการประชุมคณะกรรมการเพื่อมีมติเรียกประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นตามที่กฎหมายกำหนดไว้ในมาตรา 1172 วรรคหนึ่ง ด้วย ดังนั้น เมื่อมติคณะกรรมการเสียงข้างมากที่ให้เรียกประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2563 ไม่ชอบด้วยกฎหมายและข้อบังคับของบริษัทแล้ว ย่อมทำให้การนัดเรียกประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2563 ตลอดจนการประชุมและการลงมติที่ได้ดำเนินการต่อเนื่องมาเป็นการไม่ชอบด้วยเช่นกัน กรณีจึงมีเหตุให้เพิกถอนการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นและมติที่ประชุมผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2563 เมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2563

เนื้อหาฉบับเต็ม

ผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้เพิกถอนการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นและมติที่ประชุมผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2563 ในวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2563 ของบริษัท จ.

ผู้คัดค้านทั้งสองยื่นคำคัดค้านขอให้ยกคำร้อง

ศาลชั้นต้นพิพากษายกคำร้อง (ที่ถูก มีคำสั่งให้ยกคำร้อง) ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ

ผู้ร้องอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษากลับให้เพิกถอนการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2563 ในวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2563 ของบริษัท จ. ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสองศาลให้เป็นพับ

ผู้คัดค้านทั้งสองฎีกา โดยได้รับอนุญาตจากศาลฎีกา

ศาลฎีกาแผนกคดีพาณิชย์และเศรษฐกิจวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงเบื้องต้นรับฟังได้ว่า บริษัท จ. เป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัด มีผู้ร้องและผู้คัดค้านทั้งสองเป็นกรรมการบริษัท โดยผู้ร้องถือหุ้น 25,000 หุ้น ผู้คัดค้านที่ 1 ถือหุ้น 24,999 หุ้น และผู้คัดค้านที่ 2 ถือหุ้น 1 หุ้น จากจำนวนหุ้นทั้งหมด 50,000 หุ้น วันที่ 15 มกราคม 2563 ผู้คัดค้านที่ 1 มีหนังสือแจ้งผู้ร้องซึ่งเป็นกรรมการบริษัทให้ลงมติเพื่อเรียกประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2563 โดยให้กากบาทในช่องเห็นชอบ หรือไม่เห็นชอบให้เรียกประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น และส่งคืนผู้คัดค้านที่ 1 ภายในวันที่ 22 มกราคม 2563 เพื่อสรุปผลการลงมติคณะกรรมการบริษัทในวันที่ 23 มกราคม 2563 ผู้ร้องได้รับหนังสือแล้วแต่ไม่ได้ตอบกลับ วันที่ 23 มกราคม 2563 ผู้คัดค้านทั้งสองในฐานะผู้ถือหุ้นและกรรมการบริษัท จ. มีมติเสียงข้างมากสองในสามให้เรียกประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2563 วันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2563 ผู้คัดค้านที่ 1 มีหนังสือเชิญประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2563 กำหนดนัดประชุมในวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2563 และประกาศหนังสือพิมพ์เพื่อแจ้งให้ผู้ถือหุ้นทราบ ต่อมามีการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2563 เมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2563 ที่ประชุมมีมติถอดถอนผู้ร้องออกจากการเป็นกรรมการบริษัท จ. คงเหลือผู้คัดค้านทั้งสองเป็นกรรมการบริษัท

คดีมีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของผู้คัดค้านทั้งสองว่า มีเหตุให้เพิกถอนการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2563 เมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2563 ของบริษัท จ. หรือไม่ เห็นว่า ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1172 วรรคหนึ่ง บัญญัติว่า กรรมการจะเรียกประชุมวิสามัญเมื่อใดก็ได้สุดแต่จะเห็นสมควร และตามข้อบังคับของบริษัท จ. ข้อ 11 กำหนดว่า คณะกรรมการจะเรียกประชุมวิสามัญเมื่อใดก็สุดแต่จะเห็นสมควร ซึ่งคำว่า กรรมการ ตามบทบัญญัติดังกล่าวย่อมหมายถึง คณะกรรมการ และการจะเรียกประชุมใหญ่วิสามัญหรือไม่ กรรมการคนใดคนหนึ่งชอบที่จะนัดเรียกประชุมกรรมการเพื่อพิจารณากันในเบื้องต้นเสียก่อนตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 1162 มติของคณะกรรมการต้องถือเอาเสียงข้างมากเป็นใหญ่ตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 1161 ดังนั้น การที่ผู้คัดค้านที่ 1 ซึ่งเป็นกรรมการบริษัท จะเรียกประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2563 จึงต้องมีการประชุมตกลงกันในระหว่างผู้ร้องกับผู้คัดค้านทั้งสองซึ่งเป็นกรรมการของบริษัทในขณะนั้นเสียก่อนว่า จะเรียกประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นหรือไม่ แม้มาตรา 1172 วรรคหนึ่ง และข้อบังคับของบริษัทดังกล่าวมิได้กำหนดรูปแบบในการประชุมของคณะกรรมการเพื่อมีมติดังกล่าวไว้ แต่เมื่อต้องมีการประชุมย่อมต้องหมายความว่า เป็นกรณีที่กรรมการของบริษัทต้องร่วมกันในการปรึกษาหารือและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันเกี่ยวกับเรื่องที่จะประชุมก่อนลงมติว่าจะเรียกประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นหรือไม่ ดังนั้น การที่ผู้คัดค้านที่ 1 มีหนังสือลงวันที่ 15 มกราคม 2563 แจ้งให้คณะกรรมการบริษัทลงมติเพื่อเรียกประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2563 ไปยังผู้คัดค้านที่ 2 และผู้ร้องให้ลงนามเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบให้เรียกประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2563 และให้แจ้งกลับไปภายในวันที่ 22 มกราคม 2563 เพื่อสรุปผลการลงมติคณะกรรมการบริษัทในวันที่ 23 มกราคม 2563 ซึ่งใช้เกณฑ์นับคะแนนในการลงมติ 1 เสียง ต่อกรรมการ 1 คน โดยหนังสือดังกล่าวไม่ได้ระบุให้มีการนัดเรียกประชุมคณะกรรมการเพื่อขอมติที่ประชุมคณะกรรมการเสียงข้างมากให้เรียกประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นในวันดังกล่าวด้วย กรณีจึงมิใช่เป็นการนัดเรียกประชุมคณะกรรมการเพื่อลงมติให้มีการเรียกประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ทั้งไม่มีการประชุมปรึกษาของคณะกรรมการในเรื่องดังกล่าว เช่นนี้ แม้ผู้ร้องจะได้รับหนังสือแจ้งให้ลงมติเพื่อเรียกประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2563 และผู้คัดค้านทั้งสองจะเบิกความตอบทนายผู้ร้องถามค้านว่า มีการประชุมคณะกรรมการในวันที่ 23 มกราคม 2563 ด้วย ก็ไม่อาจรับฟังได้ว่าเป็นการนัดเรียกประชุม การประชุม และการลงมติของคณะกรรมการให้เรียกประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2563 โดยชอบ ส่วนที่ผู้คัดค้านทั้งสองฎีกาว่า วันที่ 23 มกราคม 2563 เป็นวันนัดประชุมคณะกรรมการบริษัทซึ่งมีการนัดประชุมทุกวันที่ 23 ของเดือน เริ่มตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2562 เป็นต้นไป จึงเป็นการแจ้งกำหนดนัดประชุมคณะกรรมการให้ผู้ร้องทราบแล้วนั้น ผู้คัดค้านที่ 1 ก็เบิกความตอบทนายผู้ร้องขออนุญาตศาลถามว่า การประชุมคณะกรรมการในวันที่ 23 ของทุกเดือนเป็นการประชุมเพื่อบริหารกิจการของบริษัทและการตัดสินใจต่าง ๆ ของบริษัท เห็นว่า ประกาศกำหนดวันนัดดังกล่าวเป็นเพียงประมาณการวันนัดประชุมคณะกรรมการเท่านั้น เพราะยังอาจมีการเลื่อนหรืองดประชุมได้ ทั้งเป็นการประชุมเกี่ยวกับการบริหารงานทั่ว ๆ ไปของบริษัท ไม่อาจหมายความรวมถึงการประชุมคณะกรรมการเพื่อมีมติเรียกประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นตามที่กฎหมายกำหนดไว้ในมาตรา 1172 วรรคหนึ่ง ด้วย ดังนั้น เมื่อมติคณะกรรมการเสียงข้างมากที่ให้เรียกประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2563 ไม่ชอบด้วยกฎหมายและข้อบังคับของบริษัทแล้ว ย่อมทำให้การนัดเรียกประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2563 ตลอดจนการประชุมและการลงมติที่ได้ดำเนินการต่อเนื่องมาเป็นการไม่ชอบด้วยเช่นกัน กรณีจึงมีเหตุให้เพิกถอนการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น และมติที่ประชุมผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2563 เมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2563 ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 วินิจฉัยให้เพิกถอนการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นดังกล่าวนั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของผู้คัดค้านทั้งสองฟังไม่ขึ้น

พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา พณ.50/2566

แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th
ติดต่อเราทาง LINE