สารบัญ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6391/2567

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6391/2567

ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ม. 150 ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ม. 292, 293 พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลล้มละลายและวิธีพิจารณาคดีล้มละลาย พ.ศ.2542 ม. 14 พระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 ม. 22, 24, 145

เมื่อศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้แล้ว เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์แต่ผู้เดียวมีอำนาจจัดการและจำหน่ายทรัพย์สินของลูกหนี้ หรือกระทำการที่จำเป็นเพื่อให้กิจการของลูกหนี้ที่ค้างอยู่เสร็จสิ้นไปตาม พ.ร.บ.ล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 22 (1) และลูกหนี้ต้องห้ามมิให้กระทำการใด ๆ เกี่ยวกับทรัพย์สินหรือกิจการของตน เว้นแต่จะได้กระทำตามคำสั่งหรือความเห็นชอบของศาล เจ้าพนักงานพิทักษทรัพย์ ผู้จัดการทรัพย์ หรือที่ประชุมเจ้าหนี้ตาม พ.ร.บ.ล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 24 จำเลยทำสัญญาขายอาคารสำนักงานและอาคารโรงงานซึ่งผู้คัดค้านยึดไว้ในคดีล้มละลาย โดยมิใช่การกระทำตามคำสั่งหรือความเห็นชอบของศาล เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ ผู้จัดการทรัพย์ หรือที่ประชุมเจ้าหนี้ ย่อมเป็นนิติกรรมอันมีวัตถุที่ประสงค์ต้องห้ามชัดแจ้งโดยกฎหมาย ตกเป็นโมฆะตาม ป.พ.พ. มาตรา 150 เป็นหน้าที่ของผู้คัดค้านที่ต้องติดตามเอาทรัพย์สินนั้นคืนเพื่อบังคับคดีล้มละลายต่อไป มิใช่สั่งถอนการยึดอันจะทำให้อำนาจในการจัดการทรัพย์สินนั้นหลุดไปจากผู้คัดค้าน ทั้งไม่ใช่กรณีที่จะถอนการยึดตาม ป.วิ.พ. มาตรา 292 และมาตรา 293 ประกอบ พ.ร.บ.จัดตั้งศาลล้มละลายและวิธีพิจารณาคดีล้มละลาย พ.ศ. 2542 มาตรา 14 ผู้คัดค้านสั่งถอนการยึดอาคารสำนักงานและอาคารโรงงาน โดยไม่ได้รับความเห็นชอบจากที่ประชุมเจ้าหนี้จึงไม่ชอบด้วย พ.ร.บ.ล้มละลาย พ.ศ. 2542 มาตรา 145 (1) คำสั่งถอนการยึดดังกล่าวไม่มีผล อาคารสำนักงานและอาคารโรงงานยังคงเป็นทรัพย์ที่ผู้คัดค้านยึดไว้ในคดีล้มละลาย ผู้คัดค้านมีหน้าที่เรียกร้องให้คืนหรือใช้ราคารวมทั้งค่าเสียหายอันเป็นการรวบรวมทรัพย์สินของลูกหนี้ในคดีล้มละลายซึ่งอาจได้รับการชดใช้ราคาพร้อมค่าเสียหายหรือได้ทรัพย์สินอื่นแทนในฐานะนิตินัยอย่างเดียวกัน

การที่ผู้ร้องขอให้มีคำสั่งให้ผู้คัดค้านถอนการยึดสิ่งปลูกสร้างที่ถูกรื้อถอน โดยยกเว้นการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมยึดแล้วไม่มีการขาย บ่งชี้ถึงเจตนาของผู้ร้องประสงค์ให้เพิกถอนคำสั่งของผู้คัดค้านที่ให้ผู้ร้องชำระค่าธรรมเนียมการยึดแล้วไม่มีการขาย เมื่อคดีไม่ปรากฏว่าผู้ร้องกระทำการใดอันเป็นเหตุให้การขายทอดตลาดทรัพย์สินที่ผู้คัดค้านยึดไว้ไม่อาจกระทำได้ การที่ศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษพิพากษาให้ผู้ร้องชำระค่าธรรมเนียมในการรวบรวมทรัพย์สินที่ไม่มีการขายหรือจำหน่ายครึ่งหนึ่งของค่าธรรมเนียมที่คำนวณได้จากอัตราร้อยละ 2 ของราคาประเมินสิ่งปลูกสร้างที่ยึด ไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา

เนื้อหาฉบับเต็ม

คดีสืบเนื่องมาจากศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยเด็ดขาดเมื่อวันที่ 14 ตุลาคม 2556 ผู้ร้องยื่นคำขอรับชำระหนี้เป็นเจ้าหนี้รายที่ 1 ศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งอนุญาตให้ได้รับชำระหนี้

ผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้มีคำสั่งให้ผู้คัดค้านถอนการยึดสิ่งปลูกสร้างที่ถูกรื้อถอนโดยยกเว้นการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมยึดแล้วไม่มีการจำหน่าย

ผู้คัดค้านยื่นคำคัดค้านขอให้ยกคำร้อง

ศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งยกคำร้อง ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นนี้ให้เป็นพับ

ผู้คัดค้านอุทธรณ์ โดยได้รับอนุญาตจากศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษ

ศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษพิพากษาแก้เป็นว่า ให้ผู้ร้องชำระค่าธรรมเนียมในการรวบรวมทรัพย์สินที่ไม่มีการขายหรือจำหน่ายเพียงครึ่งหนึ่งของค่าธรรมเนียมที่คำนวณได้จากอัตราร้อยละ 2 ของราคาประเมินสิ่งปลูกสร้างที่ยึด นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำสั่งศาลล้มละลายกลาง ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ

ผู้ร้องฎีกา โดยได้รับอนุญาตจากศาลฎีกา

ศาลฎีกาแผนกคดีล้มละลายวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงเบื้องต้นฟังได้ว่า ผู้ร้องได้รับอนุญาตให้รับชำระหนี้ในฐานะเจ้าหนี้มีประกันเป็นสิทธิจำนองเหนือที่ดินโฉนดเลขที่ 8374 พร้อมอาคารสำนักงานสองชั้น 1 หลัง และอาคารโรงงานชั้นเดียว 1 หลัง ของจำเลย นำผู้คัดค้านยึดที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างดังกล่าว ระหว่างเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ประกาศขายทอดตลาดจำเลยขายอาคารสำนักงานสองชั้น 1 หลัง และอาคารโรงงานชั้นเดียว 1 หลัง แก่บุคคลภายนอกซึ่งรื้อถอนอาคารทั้งสองหลังและขนย้ายออกไปจากที่ดินจำนอง ผู้คัดค้านร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนให้ดำเนินคดีอาญาแก่ผู้กระทำความผิดดังกล่าว และมีคำสั่งถอนการยึดอาคารทั้งสองหลังที่ถูกรื้อถอนไป พร้อมให้ผู้ร้องชำระค่าธรรมเนียมการยึดไว้โดยไม่มีการขาย

คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของผู้ร้องว่า ผู้ร้องต้องรับผิดชำระค่าธรรมเนียมในการรวบรวมทรัพย์สินแล้วไม่มีการขายหรือจำหน่ายหรือไม่ เพียงใด เห็นว่า เมื่อศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้แล้ว เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์แต่ผู้เดียวมีอำนาจจัดการและจำหน่ายทรัพย์สินของลูกหนี้ หรือกระทำการที่จำเป็นเพื่อให้กิจการของลูกหนี้ที่ค้างอยู่เสร็จสิ้นไปตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พุทธศักราช 2483 มาตรา 22 (1) และลูกหนี้ต้องห้ามมิให้กระทำการใด ๆ เกี่ยวกับทรัพย์สินหรือกิจการของตน เว้นแต่จะได้กระทำตามคำสั่งหรือความเห็นชอบของศาล เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ ผู้จัดการทรัพย์ หรือที่ประชุมเจ้าหนี้ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พุทธศักราช 2483 มาตรา 24 จำเลยทำสัญญาขายอาคารสำนักงานและอาคารโรงงานซึ่งผู้คัดค้านยึดไว้ในคดีล้มละลาย โดยมิใช่การกระทำตามคำสั่งหรือความเห็นชอบของศาล เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ ผู้จัดการทรัพย์ หรือที่ประชุมเจ้าหนี้ ย่อมเป็นนิติกรรมอันมีวัตถุที่ประสงค์ต้องห้ามชัดแจ้งโดยกฎหมาย ตกเป็นโมฆะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 150 กรณีเป็นหน้าที่ของผู้คัดค้านที่ต้องติดตามเอาทรัพย์สินนั้นคืนเพื่อบังคับคดีล้มละลายต่อไป มิใช่สั่งถอนการยึดอันจะทำให้อำนาจในการจัดการทรัพย์สินนั้นหลุดไปจากผู้คัดค้าน ทั้งไม่ใช่กรณีที่จะถอนการยึดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 292 และมาตรา 293 ประกอบพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลล้มละลายและวิธีพิจารณาคดีล้มละลาย พ.ศ. 2542 มาตรา 14 ทั้งนี้ ผู้คัดค้านสั่งถอนการยึดอาคารสำนักงานและอาคารโรงงานโดยไม่ได้รับความเห็นชอบจากที่ประชุมเจ้าหนี้จึงไม่ชอบด้วยพระราชบัญญัติล้มละลาย พุทธศักราช 2483 มาตรา 145 (1) คำสั่งถอนการยึดดังกล่าวไม่มีผล อาคารสำนักงานและอาคารโรงงานยังคงเป็นทรัพย์ที่ผู้คัดค้านยึดไว้ในคดีล้มละลาย การที่บุคคลภายนอกรื้อถอนและขนย้ายอาคารทั้งสองหลังไปไม่ใช่เหตุทำให้ต้องถอนการยึด และผู้คัดค้านยังคงมีหน้าที่เรียกร้องให้คืนหรือใช้ราคารวมทั้งค่าเสียหายอันเป็นการรวบรวมทรัพย์สินของลูกหนี้ในคดีล้มละลาย ซึ่งอาจได้รับการชดใช้ราคาพร้อมค่าเสียหายหรือได้ทรัพย์สินอื่นแทนในฐานะนิตินัยอย่างเดียวกัน การที่ผู้ร้องขอให้มีคำสั่งให้ผู้คัดค้านถอนการยึดสิ่งปลูกสร้างที่ถูกรื้อถอน โดยยกเว้นการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมยึดแล้วไม่มีการขาย บ่งชี้ถึงเจตนาของผู้ร้องประสงค์ให้เพิกถอนคำสั่งของผู้คัดค้านที่ให้ผู้ร้องชำระค่าธรรมเนียมการยึดแล้วไม่มีการขาย ประกอบกับศาลต้องสอดส่องให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ปฏิบัติหน้าที่เกี่ยวกับกระบวนการพิจารณาคดีล้มละลายในชั้นเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย และสั่งตามที่เห็นสมควรตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พุทธศักราช 2483 มาตรา 151 เมื่อคดีไม่ปรากฏว่าผู้ร้องกระทำการใดอันเป็นเหตุให้การขายทอดตลาดทรัพย์สินที่ผู้คัดค้านยึดไว้ไม่อาจกระทำได้ การที่ศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษพิพากษาให้ผู้ร้องชำระค่าธรรมเนียมในการรวบรวมทรัพย์สินที่ไม่มีการขายหรือจำหน่ายครึ่งหนึ่งของค่าธรรมเนียมที่คำนวณได้จากอัตราร้อยละ 2 ของราคาประเมินสิ่งปลูกสร้างที่ยึด ไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา ฎีกาของผู้ร้องฟังขึ้น

พิพากษากลับเป็นว่า เพิกถอนคำสั่งของผู้คัดค้านที่ให้ผู้ร้องชำระค่าธรรมเนียมในการรวบรวมทรัพย์สินที่ไม่มีการขายหรือจำหน่าย ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสามศาลให้เป็นพับ

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา ล.19/2567

แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th
ติดต่อเราทาง LINE