สารบัญ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 638/2567

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 638/2567

ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ม. 1748, 1750 ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ม. 324

ผู้ร้องที่ 1 เป็นมารดาจำเลย ส่วนผู้ร้องที่ 2 เป็นพี่ชายจำเลยไม่ปรากฏว่าในการแบ่งปันทรัพย์มรดกนั้น ผู้ร้องทั้งสองกับจำเลยมีเหตุโกรธเคืองหรือทะเลาะกันมาก่อน ทั้งไม่ปรากฏว่าผู้ร้องทั้งสองได้รับทรัพย์มรดกอื่นใดของผู้ตายไปจนเป็นที่พอใจแล้ว ลำพังเพียงผู้ร้องทั้งสองไม่ได้คัดค้านการโอนที่ดินนั้นไม่ได้หมายความว่าผู้ร้องทั้งสองยกที่ดินพิพาทให้แก่จำเลย ประกอบกับเมื่อที่ดินพิพาทยังติดจำนองอยู่ย่อมป็นเหตุให้การจัดการมรดกโดยแบ่งปันที่ดินอันมีภาระจำนองให้แก่ทายาททุกคนเป็นการไม่สะดวก ดังนั้น การที่ผู้ร้องทั้งสองทราบว่าจำเลยโอนที่ดินพิพาทเป็นชื่อตนเองโดยไม่ได้คัดค้านจึงยังไม่ถือเป็นพฤติการณ์โดยชัดแจ้งว่าผู้ร้องทั้งสองแสดงเจตนาสละสิทธิไม่รับส่วนแบ่งในที่ดินพิพาท และมิได้เป็นเรื่องที่แสดงว่าได้มีการแบ่งปันทรัพย์มรดกของผู้ตายเสร็จสิ้นแล้ว จำเลยจดทะเบียนรับโอนมรดกที่ดินพิพาทของผู้ตายมาโดยผู้ร้องทั้งสองมิได้คัดค้านเนื่องจากที่ดินติดจำนองจึงเป็นการครอบครองที่ดินพิพาทแทนผู้ร้องทั้งสอง ผู้ร้องทั้งสองซึ่งมีสิทธิได้รับส่วนแบ่งกรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทด้วยจึงมีสิทธิขอให้กันส่วนเงินจากการขายทอดตลาดที่ดินพิพาทได้

เนื้อหาฉบับเต็ม

คดีสืบเนื่องมาจากวันที่ 28 เมษายน 2564 โจทก์ในฐานะเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาของจำเลย นำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินโฉนดเลขที่ 42517 ตำบลพระธาตุผาแดง อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก ซึ่งเป็นทรัพย์มรดกของนายทองย้อย ผู้ตาย ที่จำเลยเป็นผู้จัดการมรดก ก่อนถูกบังคับคดีนี้ เมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2560 จำเลยได้เปลี่ยนแปลงทะเบียนในโฉนดที่ดินดังกล่าวเป็นชื่อจำเลยในฐานะผู้จัดการมรดกของผู้ตายต่อมาวันที่ 6 ตุลาคม 2564 โจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินโฉนดเลขที่ 2825 ตำบลแม่สอด อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก พร้อมสิ่งปลูกสร้าง ที่ดินโฉนดเลขที่ 4197 ตำบลแม่สอด อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก พร้อมสิ่งปลูกสร้าง และที่ดินโฉนดเลขที่ 5463 ตำบลแม่สอด อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก พร้อมสิ่งปลูกสร้าง ที่ผู้ร้องที่ 1 เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ด้วย รวมที่ดิน 4 แปลง

ผู้ร้องที่ 1 ในฐานะเจ้าของกรรมสิทธิ์รวมและทายาทโดยธรรมของผู้ตาย กับผู้ร้องที่ 2 ในฐานะทายาทโดยธรรมของผู้ตายยื่นคำร้องขอให้กันส่วนเงินที่ได้จากการขายทอดตลาดที่ดินดังกล่าวทุกแปลงให้แก่ผู้ร้องทั้งสอง

โจทก์ยื่นคำคัดค้านเฉพาะที่ดินโฉนดเลขที่ 42517 เนื่องจากได้จดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์เป็นของจำเลยแล้วก่อนที่ผู้ร้องทั้งสองจะยื่นคำร้องขอกันส่วน เมื่อขายทอดตลาดได้เงินเท่าใดจึงไม่ต้องกันส่วนให้ผู้ร้องทั้งสอง สำหรับที่ดินแปลงอื่นที่ผู้ร้องทั้งสองขอกันส่วน โจทก์ไม่คัดค้าน ขอให้ยกคำร้องในส่วนที่ดินแปลงดังกล่าว

ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า ให้กันส่วนเงินจากการขายทอดตลาด ที่ดินโฉนดเลขที่ 42517 ตำบลพระธาตุผาแดง อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก ที่ดินโฉนดเลขที่ 2825 ตำบลแม่สอด อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก (ที่ถูก พร้อมสิ่งปลูกสร้าง) ที่ดินโฉนดเลขที่ 4197 ตำบลแม่สอด อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก (ที่ถูก พร้อมสิ่งปลูกสร้าง) และที่ดินโฉนดเลขที่ 5463 ตำบลแม่สอด อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก (ที่ถูก พร้อมสิ่งปลูกสร้าง) ให้แก่ผู้ร้องที่ 1 กึ่งหนึ่งในฐานะเจ้าของกรรมสิทธิ์รวม และอีกหนึ่งในสามส่วนของทรัพย์มรดก และให้ผู้ร้องที่ 2 หนึ่งในสามส่วนของทรัพย์มรดก ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ

โจทก์อุทธรณ์คำสั่ง

ศาลอุทธรณ์ภาค 6 พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ

โจทก์ฎีกา โดยได้รับอนุญาตจากศาลฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงยุติฟังได้ว่า จำเลยเป็นบุตรสาวผู้ร้องที่ 1 กับนายทองย้อย ผู้ตาย ส่วนผู้ร้องที่ 2 เป็นพี่ชายจำเลย เดิมที่ดินพิพาทโฉนดเลขที่ 42517 ตำบลพระธาตุผาแดง อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก มีชื่อผู้ตายเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ วันที่ 2 ธันวาคม 2558 ผู้ตายนำที่ดินพิพาทจำนองไว้กับนางรัชนี ต่อมาวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2559 ผู้ตายถึงแก่ความตาย วันที่ 17 พฤศจิกายน 2559 ศาลมีคำสั่งตั้งจำเลยเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตาย วันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2560 ที่ดินพิพาทถูกจดทะเบียนโอนเป็นชื่อจำเลยในฐานะผู้จัดการมรดกของผู้ตาย และในวันเดียวกันจำเลยในฐานะผู้จัดการมรดกโอนที่ดินพิพาทเป็นของตนเอง วันที่ 28 เมษายน 2564 โจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินพิพาท ส่วนที่ดินโฉนดเลขที่ 2825, 4197 และ 5463 ตำบลแม่สอด อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก ศาลชั้นต้นพิพากษาให้กันส่วนเงินที่ได้จากการขายทอดตลาดให้แก่ผู้ร้องทั้งสอง คู่ความไม่อุทธรณ์ คดีส่วนนี้จึงยุติไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า ผู้ร้องทั้งสองมีสิทธิขอกันส่วนเงินที่ได้จากการขายทอดตลาดที่ดินพิพาทโฉนดเลขที่ 42517 ตำบลพระธาตุผาแดง อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก หรือไม่ เห็นว่า ผู้ร้องที่ 1 เป็นมารดาจำเลย ส่วนผู้ร้องที่ 2 เป็นพี่ชายจำเลยไม่ปรากฏว่าในการแบ่งปันทรัพย์มรดกนั้น ผู้ร้องทั้งสองกับจำเลยมีเหตุโกรธเคืองหรือทะเลาะกันมาก่อน ทั้งไม่ปรากฏว่าผู้ร้องทั้งสองได้รับทรัพย์มรดกอื่นใดของผู้ตายไปจนเป็นที่พอใจแล้ว ลำพังเพียงผู้ร้องทั้งสองไม่ได้คัดค้านการโอนที่ดินนั้นไม่ได้หมายความว่าผู้ร้องทั้งสองยกที่ดินพิพาทให้แก่จำเลย ประกอบกับเมื่อที่ดินพิพาทยังติดจำนองอยู่ย่อมป็นเหตุให้การจัดการมรดกโดยแบ่งปันที่ดินอันมีภาระจำนองให้แก่ทายาททุกคนเป็นการไม่สะดวก ดังนั้น การที่ผู้ร้องทั้งสองทราบว่าจำเลยโอนที่ดินพิพาทเป็นชื่อตนเองโดยไม่ได้คัดค้านจึงยังไม่ถือเป็นพฤติการณ์โดยชัดแจ้งว่าผู้ร้องทั้งสองแสดงเจตนาสละสิทธิไม่รับส่วนแบ่งในที่ดินพิพาท และมิได้เป็นเรื่องที่แสดงว่าได้มีการแบ่งปันทรัพย์มรดกของผู้ตายเสร็จสิ้นแล้ว ส่วนโจทก์ไม่นำพยานหลักฐานมาสืบให้เห็นเป็นอย่างอื่น ข้อเท็จจริงจึงรับฟังได้ตามที่ผู้ร้องทั้งสองนำสืบว่า ผู้ร้องทั้งสองไม่ได้ยกที่ดินพิพาทให้แก่จำเลยและจำเลยยังไม่จัดการแบ่งปันทรัพย์มรดกของผู้ตายให้เสร็จสิ้นไป แต่จำเลยจดทะเบียนรับโอนมรดกที่ดินพิพาทของผู้ตายมาโดยผู้ร้องทั้งสองมิได้คัดค้านเนื่องจากที่ดินติดจำนองจึงเป็นการครอบครองที่ดินพิพาทแทนผู้ร้องทั้งสอง ผู้ร้องทั้งสองซึ่งมีสิทธิได้รับส่วนแบ่งกรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทด้วยจึงมีสิทธิขอให้กันส่วนเงินจากการขายทอดตลาดที่ดินพิพาทได้ ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาให้กันส่วนเงินจากการขายทอดตลาดในที่ดินพิพาทให้แก่ผู้ร้องทั้งสองมานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น

พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา พ.602/2566

แหล่งที่มา หนังสือคำพิพากษาศาลฎีกา

ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th
ติดต่อเราทาง LINE