สารบัญ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6355/2539

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6355/2539

ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ม. 197, 207

ทนายจำเลยทั้งสองได้นำคำร้องขอถอนตนมายื่นต่อศาลแล้วกลับไปก่อนศาลออกนั่งพิจารณา ถือว่าฝ่ายจำเลยไม่มาศาลในวันสืบพยานโดยได้แจ้งเหตุขัดข้องที่ไม่ไปศาลแล้ว การที่ศาลไม่อนุญาตให้ทนายจำเลยทั้งสองถอนตนแล้วลงมือสืบพยานโจทก์ไปจึงถือไม่ได้ว่าจำเลยทั้งสองขาดนัดพิจารณา ต่อมาศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองแพ้คดี จำเลยทั้งสองจะขอพิจารณาคดีใหม่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 207 มิได้

เนื้อหาฉบับเต็ม

คดีนี้สืบเนื่องจากโจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินตามเช็ค 4 ฉบับ เป็นเงิน 380,000 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยแก่โจทก์และศาลมีคำสั่งให้พิจารณาคดีโดยรวบรัดให้จำเลยทั้งสองยื่นคำให้การและนัดสืบพยานโจทก์วันที่ 30 มิถุนายน 2537 ถึงวันนัดทนายโจทก์และทนายจำเลยทั้งสองศาลศาลชั้นต้นอนุญาตให้เลื่อนไปนัดพร้อมและนัดสืบพยานโจทก์ในวันที่ 15 กรกฎาคม 2537 ตามที่คู่ความร่วมกันแถลงเพื่อเจรจาตกลงกันพอถึงวันนัดพิจารณาจำเลยทั้งสองไม่มาศาล แต่ทนายจำเลยทั้งสองมาศาลและยื่นคำร้องขอถอนตนจากการเป็นทนายจำเลยทั้งสองและกลับไปโดยไม่ฟังคำสั่งศาล ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่อนุญาตให้ทนายจำเลยทั้งสองถอนตนจากการเป็นทนายจำเลยทั้งสองและมีคำสั่งจำเลยทั้งสองขาดนัดยื่นคำให้การและสืบพยานโจทก์ไปฝ่ายเดียว แล้วพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินให้โจทก์ตามฟ้องพร้อมดอกเบี้ย

จำเลยทั้งสองยื่นคำร้องขอให้พิจารณาคดีใหม่อ้างว่าจำเลยทั้งสองมิได้จงใจขาดนัดยื่นคำให้การและมิได้จงใจขาดนัดพิจารณา จำเลยทั้งสองไม่เคยรู้จักโจทก์และไม่เคยนำเช็คพิพาททั้ง 4 ฉบับ ไปแลกเงินสดจากโจทก์

ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า ศาลมิได้พิจารณาคดีโดยจำเลยทั้งสองขาดนัดพิจารณาฉะนั้นจึงขอให้พิจารณาใหม่ไม่ได้ ให้ยกคำร้อง

จำเลยทั้งสองอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายืน

จำเลยทั้งสองฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า "คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยทั้งสองว่าจำเลยทั้งสองขอพิจารณาคดีใหม่ได้หรือไม่ที่จำเลยทั้งสองฎีกาว่า เมื่อทนายจำเลยทั้งสองได้ยื่นคำร้องขอถอนตนจากการเป็นทนายจำเลยทั้งสองแล้ว ทนายจำเลยทั้งสองกลับไปจากศาลก่อนที่ศาลชั้นต้นออกนั่งพิจารณาถือไม่ได้ว่าจำเลยทั้งสองมาศาลในวันนัดสืบพยานโจทก์ การที่ศาลชั้นต้นให้โจทก์ดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปโดยมิได้มีคำสั่งว่าจำเลยทั้งสองขาดนัดพิจารณาเป็นการไม่ชอบ จำเลยทั้งสองมิได้จงใจขาดนัดยื่นคำให้การและมิได้จงใจขาดนัดพิจารณา ศาลชั้นต้นชอบจะรับคำร้องขอพิจารณาใหม่ของจำเลยทั้งสองนั้น มีปัญหาต้องวินิจฉัยก่อนว่าจำเลยทั้งสองขาดนัดพิจารณาหรือไม่ การขาดนัดพิจารณาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 197 วรรคสองนั้นจะต้องเป็นกรณีที่คู่ความไม่มาศาลในวันสืบพยานประการหนึ่งประกอบกับมิได้ร้องขอเลื่อนคดีหรือแจ้งเหตุขัดข้องที่ไม่มาศาลเสียก่อนลงมือสืบพยานอีกประการหนึ่ง หากคู่ความไม่มาศาลในวันนัดสืบพยานแต่ได้ร้องขอเลื่อนคดีหรือแจ้งเหตุขัดข้องที่ไม่มาศาลก่อนลงมือสืบพยาน แต่ศาลไม่อนุญาตให้เลื่อนคดีไปก็ถือไม่ได้ว่าคู่ความนั้นขาดนัดพิจารณาคดีนี้ทนายจำเลยทั้งสองได้นำคำร้องขอถอนตนมายื่นต่อศาลแล้วกลับไปก่อนศาลออกนั่งพิจารณาพอถือได้ว่าฝ่ายจำเลยไม่มาศาลในวันสืบพยาน แต่การที่ทนายจำเลยทั้งสองยื่นคำร้องขอถอนตนจากการเป็นทนายแล้วกลับไปถือได้ว่าฝ่ายจำเลยได้แจ้งเหตุขัดข้องที่ไม่ไปศาลแล้ว การที่ศาลไม่อนุญาตให้ทนายจำเลยทั้งสองถอนตนแล้วลงมือสืบพยานโจทก์ไปจึงถือไม่ได้ว่าจำเลยทั้งสองขาดนัดพิจารณา ซึ่งตามรายงานกระบวนพิจารณาศาลชั้นต้นก็มิได้มีคำสั่งว่าจำเลยทั้งสองขาดนัดพิจารณา กระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้นจึงชอบแล้วเมื่อศาลชั้นต้นมิได้มีคำสั่งว่าจำเลยทั้งสองขาดนัดพิจารณา แม้ต่อมาจะพิพากษาให้จำเลยทั้งสองแพ้คดี จำเลยทั้งสองก็จะขอพิจารณาคดีใหม่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 207มิได้ ฎีกาจำเลยทั้งสองในปัญหานี้ฟังไม่ขึ้น คดีไม่จำต้องวินิจฉัยฎีกาจำเลยทั้งสองในปัญหาที่ว่า จำเลยทั้งสองจงใจขาดนัดยื่นคำให้การเพราะไม่ทำให้ผลของคดีเปลี่ยนแปลง"

พิพากษายืน

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา nan

แหล่งที่มา สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ชื่อคู่ความ โจทก์ - นาย สม นึก โพธิ์ ทะเล จำเลย - บริษัท ทูสตาร์ จำกัด กับพวก

ชื่อองค์คณะ ปราโมทย์ ชพานนท์ ปรีชา เฉลิมวณิชย์ สมภพ โชติกวณิชย์

ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ที่ตัดสิน nan

ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th
ติดต่อเราทาง LINE