สารบัญ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 601/2518

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 601/2518

ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ม. 163, 169, 456, 461, 1299, 1336, 1373 ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ม. 55

เดิมโจทก์เป็นเจ้าของที่ดิน 1 แปลง ได้แจ้งการครอบครองไว้ตาม ส.ค.1 และที่พิพาทเป็นส่วนหนึ่งของที่ดินดังกล่าว ต่อมาจำเลยซื้อที่พิพาทจากโจทก์ โจทก์ส่งมอบที่พิพาทให้จำเลยครอบครองนับแต่ปี 2503 จนบัดนี้ ต่อมาทางการออกโฉนดให้ในนามของโจทก์ เพราะใน ส.ค.1 เป็นชื่อของโจทก์ โดยโจทก์ตกลงกับจำเลยว่า เมื่อออกโฉนดแล้วโจทก์จะโอนให้จำเลยภายหลังดังนี้ โจทก์ไม่ใช่เจ้าของกรรมสิทธิ์ที่พิพาทเป็นแต่เพียงมีชื่อถือกรรมสิทธิ์ตามโฉนดแทนจำเลย เพื่อความสะดวกในการออกโฉนดเท่านั้นจำเลยจึงมีสิทธิฟ้องโจทก์ขอให้ศาลแสดงสิทธิของจำเลยได้ ไม่อยู่ในบังคับของบทบัญญัติเรื่องอายุความ

เนื้อหาฉบับเต็ม

โจทก์ฟ้องว่า ที่ดินโฉนดเลขที่ 4696 เนื้อที่ 2 งาน 55 วาเป็นของโจทก์เมื่อกลางปี พ.ศ. 2514 จำเลยมาขออาศัยที่ดินแปลงดังกล่าวบางส่วนปลูกโรงสี 1 โรง สำหรับติดตั้งเครื่องสีข้าว โจทก์บอกให้จำเลยรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างดังกล่าวออกไปจากที่ดินของโจทก์ จำเลยไม่ยอมรื้อถอน โต้เถียงว่าเป็นที่ดินของจำเลยจึงขอให้พิพากษาว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ ฯลฯ

จำเลยให้การและฟ้องแย้งว่า ที่พิพาทเคยเป็นส่วนหนึ่งของที่ดินตามส.ค.1 เลขที่ 163 ของโจทก์ มีเนื้อที่ทั้งหมดราว 2 ไร่ เมื่อวันที่ 1 มีนาคมพ.ศ. 2503 จำเลยซื้อที่พิพาทจากโจทก์ในราคา 350 บาท จำเลยเข้าครอบครองที่พิพาทอย่างสงบเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของตั้งแต่วันซื้อตลอดมาจนบัดนี้เป็นเวลา 13 ปีเศษ แต่ยังไม่ได้โอนทางทะเบียนกัน จำเลยจึงมีกรรมสิทธิ์ในที่พิพาท จำเลยปลูกโรงสีข้าวในที่ดินของจำเลยเอง ไม่ได้ขออาศัยที่ดินโจทก์ฟ้องโจทก์ขาดอายุความ ขอให้ยกฟ้อง และพิพากษาว่าที่พิพาทโฉนดเลขที่ 4696เป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลย สั่งเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดชัยภูมิให้แก่โฉนดดังกล่าวให้มีชื่อจำเลยเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ ห้ามโจทก์เกี่ยวข้องขัดขวางจำเลยในการใช้สิทธิในที่พิพาท

โจทก์ให้การแก้ฟ้องแย้งว่า จำเลยไม่เคยครอบครองที่พิพาทอย่างเป็นเจ้าของฟ้องแย้งของจำเลยขาดอายุความ

ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์ บังคับตามฟ้องแย้งว่า ที่พิพาทโฉนดเลขที่ 4696 เป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลย ห้ามโจทก์เข้าเกี่ยวข้องขัดขวางจำเลยในการใช้สิทธิในที่พิพาท ฯลฯ

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า คดีนี้ต้องห้ามมิให้ฎีกาในข้อเท็จจริง ศาลฎีกาจึงไม่วินิจฉัยในปัญหาข้อเท็จจริงตามฎีกาของโจทก์

ที่โจทก์ฎีกาเป็นปัญหาข้อกฎหมายว่าฟ้องแย้งของจำเลยขาดอายุความโดยอ้างว่าจำเลยฟ้องคดีนี้เกิน 1 ปีนับแต่วันที่เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดชัยภูมิแนะนำให้ฟ้องนั้น ข้อเท็จจริงเป็นอันยุติรับฟังได้ว่า ชั้นเดิมโจทก์เป็นเจ้าของที่ดิน 1 แปลง ซึ่งโจทก์ได้แจ้งการครอบครองไว้ตาม ส.ค.1 และที่พิพาทเป็นส่วนหนึ่งของที่ดินดังกล่าว เมื่อวันที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2503 จำเลยซื้อที่พิพาทจากโจทก์ในราคา 350 บาทตามสัญญาซื้อขายเอกสารหมาย ล.1 โจทก์ก็ได้ส่งมอบที่พิพาทให้จำเลยเข้าครอบครองนับแต่ปี พ.ศ. 2503 เป็นต้นมาจนบัดนี้ต่อมาทางการออกโฉนดเลขที่ 4696 ให้ในนามของโจทก์ตามเอกสารหมาย จ.1เพราะใน ส.ค.1 เป็นชื่อของโจทก์ โดยโจทก์ตกลงกับจำเลยว่า เมื่อออกโฉนดแล้วโจทก์จะโอนให้จำเลยภายหลัง ศาลฎีกาเห็นว่าเมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ดังกล่าวโจทก์ก็ไม่ใช่เจ้าของกรรมสิทธิ์ที่พิพาท เป็นแต่เพียงมีชื่อถือกรรมสิทธิ์ตามโฉนดแทนจำเลยเพื่อความสะดวกในการออกโฉนดเท่านั้น จำเลยจึงมีสิทธิฟ้องโจทก์ขอให้ศาลแสดงสิทธิของจำเลยได้ ไม่อยู่ในบังคับของบทบัญญัติเรื่องอายุความ

พิพากษายืน

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา nan

แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ชื่อคู่ความ โจทก์ - นายจาก กองโคตร จำเลย - นายสมภาร จินดามาตย์

ชื่อองค์คณะ ปรีชา สุมาวงศ์ สงวน สิทธิไชย อุดม จาละ

ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ที่ตัดสิน nan

ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th
ติดต่อเราทาง LINE