คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5979/2531
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ม. 366, 587
จำเลยตกลงจ้างโจทก์ในการสืบสวนหาข้อเท็จจริงจากภรรยาจำเลยในประเทศไทยว่า จำเลยจะถูกฟ้องข้อหาให้สินบนเจ้าพนักงานหรือไม่ และขอคำแนะนำทางด้านกฎหมาย ถ้าจำเป็นก็ให้ตั้งทนายความสู้คดี โดยกำหนดจำนวนเงิน 20,000 บาท เป็นค่าจ้างเหมาในกิจการดังกล่าว การที่โจทก์สืบสวนข้อเท็จจริงให้คำปรึกษาและแนะนำแก่จำเลย เมื่อไม่ปรากฏหลักฐานแน่ชัดว่าคู่กรณีต่างตกลงคิดค่าจ้างกันเป็นรายชั่วโมงหรือโจทก์แจ้งจำเลยขอคิดค่าจ้างนอกเหนือจากเงินจำนวน 20,000 บาทเป็นพิเศษ ต้องถือว่าจำเลยตกลงจ้างโจทก์กระทำการในวงเงิน 20,000 บาท โจทก์ไม่อาจเรียกร้องเอาเงินค่าใช้จ่ายอย่างอื่นนอกวงเงินที่จำเลยกำหนด แม้เพื่อใช้จ่ายในกิจการดังกล่าว
โจทก์ ฟ้องขอให้จำเลยชำระค่าจ้างทนายความจำนวน61,548.83 บาท พร้อมดอกเบี้ย
จำเลยให้การว่า จำเลยได้ส่งเงินค่าทนายความแก่โจทก์20,000 บาท ตามที่ตกลงจ้างไว้ แต่จำเลยไม่เคยได้รับบริการใด ๆจากโจทก์ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินแก่โจทก์ 12,295.03 บาทให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียม ค่าทนายความแทนโจทก์ สำหรับค่าขึ้นศาลให้จำเลยรับผิดเท่าที่โจทก์ชนะคดี โดยกำหนดค่าทนายความให้1,200 บาท
โจทก์และจำเลยต่างอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์ ให้โจทก์ใช้ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสองศาลแทนจำเลย โดยกำหนดค่าทนายความรวม 2,000 บาท
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า "ข้อเท็จจริงเบื้องต้นรับฟังได้ว่าโจทก์เป็นห้างหุ้นส่วนสามัญจดทะเบียน มีนายโรจน์วิทย์ เปเรร่าเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการ นายธเนศ เปเรร่า นายอัลเบิร์ต ไลแมนเป็นหุ้นส่วน แต่ละคนมีอำนาจทำการแทนโจทก์ได้ เมื่อเดือนสิงหาคม2524 จำเลยได้มีหนังสือจากกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ถึงนายชำนัญ สุจริตกุล ซึ่งเคยเป็นเพื่อนบ้านกับจำเลยขณะที่จำเลยอยู่ในประเทศไทย ขอให้ช่วยแนะนำข้อกฎหมายเพราะจำเลยอาจถูกฟ้องกล่าวหาว่าให้สินบนเจ้าพนักงานตำรวจ ถ้ามีการฟ้องร้องจริงขอให้นายชำนัญช่วยหาทนายความซึ่งจะสามารถดำเนินการในเรื่องที่จำเลยถูกกล่าวหาว่าให้สินบนหรือข้อกล่าวหาอื่นใด โดยให้สอบถามข้อเท็จจริงทั้งมวลจากภรรยาจำเลยซึ่งอยู่ในประเทศไทย พร้อมทั้งแจ้งว่าถ้าจำเลยไม่มีลู่ทางจะต่อสู้คดีได้ ก็ขอให้แนะนำให้ภรรยาจำเลยเก็บรวบรวมทรัพย์สินและเดินทางไปพบจำเลยที่ทวีป ยุโรปและจำเลยได้ส่งเงินจำนวน 20,000 บาท มาให้นายชำนัญเป็นค่าทนายความด้วย ปรากฏตามหนังสือของจำเลยเอกสารหมาย จ.1 และคำแปลเอกสารหมาย จ.2 นายชำนาญได้รับจดหมายพร้อมกับเงินของจำเลยไปให้สำนักงานของโจทก์ดำเนินการแทน จำเลยก็ทราบเรื่อง ต่อมาเดือนกันยายน 2524 จำเลยเดินทางเข้ามาในประเทศไทย และไปที่สำนักงานโจทก์ ได้ขอร้องให้นายเดวิด ไลแมน ทนายความของสำนักงานโจทก์พาไปติดต่อกับเจ้าพนักงานที่เกี่ยวข้องในเรื่องที่จำเลยถูกกล่าวหาหรือมิฉะนั้นให้ฟ้องร้อง แต่โจทก์แจ้งว่าไม่สมควรฟ้องและให้จำเลยหาทนายความใหม่และเรียกเก็บเงินค่าปรึกษากฎหมายจากจำเลย จำนวนเงิน 61,548.83 บาท พร้อมดอกเบี้ย คดีมีปัญหาว่าจำเลยได้ว่าจ้างโจทก์เป็นทนายความ และต้องเสียค่าจ้างตามฟ้องหรือไม่ ได้ความจากนายโรจน์วิทย์ เปเรร่า หุ้นส่วนผู้จัดการโจทก์ นายเดวิด ไลแมน ที่ปรึกษากฎหมายว่า เมื่อประมาณเดือนสิงหาคม 2524 จำเลยโทรศัพท์จากประเทศฝรั่งเศสว่าจ้างโจทก์เพื่อสอบถามข้อเท็จจริง ให้คำปรึกษาและแนะนำข้อกฎหมายเนื่องจากจำเลยทราบข่าวจากหนังสือพิมพ์ออสเตรเลียว่า จำเลยอาจถูกฟ้องหรือกล่าวหาว่ามีส่วนเกี่ยวข้องในการช่วยเหลือนายกอร์ดอน พาร์คชาวออสเตรเลีย ผู้ต้องหาค้ายาเสพติดให้หลบหนีออกจากประเทศไทยโดยจำเลยเป็นคนให้สินบนแก่เจ้าพนักงานตำรวจ จำเลยส่งเงินจำนวน20,000 บาท ให้โจทก์ตามเอกสารหมาย จ.1 คำแปลหมาย จ.2 จำเลยซึ่งเคยจ้างโจทก์ในเรื่องอื่นมาก่อนก็ทราบดีว่าโจทก์คิดค่าบริการว่าความหรือให้คำปรึกษาทางกฎหมายเป็นรายชั่วโมง ต่อมาโจทก์ได้ติดต่อสำนักงานกฎหมายประเทศออสเตรเลียโดยทางพิมพ์โดยความยินยอมของจำเลยตามเอกสารหมาย จ.3 คำแปลหมาย จ.4 และทำหนังสือตอบรับตามเอกสารหมาย จ.11 ต่อมาประมาณเดือนกันยายน 2524 จำเลยเดินทางเข้ามาประเทศไทย โจทก์แจ้งผลการสอบสวนให้จำเลยทราบ และเรียกเก็บเงินค่าปรึกษากฎหมายตามใบเรียกเก็บเงินเอกสารหมาย จ.13 ถึงจ.15 หนังสือทวงถามเอกสารหมาย จ.16 ถึง จ.20 โจทก์มีนายชำนาญสุจริตกุล และนางวีรีรินทร์ เหตะกูล พนักงานโจทก์เบิกความสนับสนุน เห็นว่า โจทก์ไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือแสดงถึงการที่จำเลยว่าจ้างให้โจทก์ในการจัดหาทนายความหรือให้คำปรึกษาทางกฎหมายและจำเลยทราบถึงการที่โจทก์คิดค่าจ้างเป็นรายชั่วโมงแต่อย่างใดนอกจากนายโรจน์วิทย์ และนายเดวิด เบิกความรับว่า โจทก์ไม่เคยตั้งทนายความว่าความให้จำเลยในคดีที่ถูกฟ้องแล้ว นายชำนาญพนักงานโจทก์ยังเบิกความว่าเดิมจำเลยซึ่งรู้จักกันมาก่อน ติดต่อขอคำแนะนำทางด้านกฎหมายและส่งเช็คจำนวนเงิน 20,000 บาท ตามเอกสารหมาย จ.1 และ จ.2 แต่นายชำนาญส่งเรื่องราวพร้อมเงินดังกล่าวให้โจทก์ซึ่งนายชำนัญเป็นพนักงานอยู่ด้วย ศาลฎีกาพิเคราะห์เอกสารหมาย จ.1, จ.2 มีข้อความว่า "เช็คที่แนบมาด้วยนี้จำนวนเงิน 20,000 บาท สำหรับเป็นค่าทนาย ข้าพเจ้าประสงค์จะให้ท่านแต่งตั้งทนายความซึ่งจะสามารถดำเนินการในเรื่องที่ข้าพเจ้าถูกกล่าวหาในข้อหาที่ว่าให้สินบน กรุณาสอบถามข้อเท็จจริงทั้งมวลจากภรรยาของข้าพเจ้า ถ้าท่านพิจารณาเห็นว่าไม่มีลู่ทางที่จะต่อสู้คดีได้แล้ว กรูณาแจ้งให้ภรรยาของข้าพเจ้าได้ทราบด้วย"ข้อความดังกล่าวแสดงว่าจำเลยประสงค์ให้นายชำนาญเป็นตัวแทนแต่งตั้งทนายความจำเลยในการให้คำปรึกษาแนะนำทางกฎหมายและสู้คดีโดยวิธีสอบถามข้อเท็จจริงทั้งมวลจากภรรยาจำเลยซึ่งอยู่ในประเทศไทยโดยกำหนดวงเงินค่าจ้างทนายความจำนวน 20,000 บาทแต่เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่านายชำนาญแจ้งจำเลยให้จ้างโจทก์พร้อมกับมอบเงินดังกล่าวให้โจทก์ และเมื่อจำเลยเดินทางเข้ามาในประเทศไทยเมื่อเดือนกันยายน 2524 จำเลยรับทราบการที่โจทก์เป็นผู้ดำเนินการต่อจากนายชำนัญ จำเลยไม่ทักท้วง จำเลยได้ปรึกษากับนายเดวิด ไลแมน ที่ปรึกษากฎหมายของโจทก์ และทนายความโจทก์คนอื่น ๆ ทั้งจำเลยก็นำสืบรับว่า จำเลยขอให้ทนายความสำนักงานของโจทก์พาจำเลยไปพบเพื่อสอบถาม พลตำรวจโทเสน่ห์สิทธิพันธ์ แต่พลตำรวจโทเสน่ห์ไม่ยอมให้พบ จำเลยจึงบอกเลิกสัญญากับโจทก์และขอเงิน 20,000 บาท คืน ข้อเท็จจริงดังกล่าวแสดงว่าจำเลยตกลงจ้างโจทก์ในการสืบสวนหาข้อเท็จจริงจากภรรยาจำเลยในประเทศไทยว่าจำเลยจะถูกฟ้องข้อหาให้สินบนเจ้าพนักงานหรือไม่ และขอคำแนะนำทางด้านกฎหมาย ถ้าจำเป็นก็ให้ตั้งทนายความสู้คดี โดยกำหนดจำนวนเงิน 20,000 บาท เป็นค่าจ้างเหมาในกิจการดังกล่าว การที่โจทก์สืบสวนข้อเท็จจริง ให้คำปรึกษาและแนะนำแก่จำเลย เมื่อไม่ปรากฏหลักฐานแน่ชัดว่าคู่กรณีต่างตกลงคิดค่าจ้างกันเป็นรายชั่วโมงหรือโจทก์แจ้งจำเลยขอคิดค่าจ้างนอกเหนือจากเงินจำนวน 20,000 บาท เป็นพิเศษต้องถือว่าจำเลยตกลงจ้างโจทก์กระทำการที่ระบุในจดหมายเอกสารหมาย จ.1, จ.2 ในวงเงิน 20,000 บาทโจทก์ไม่อาจเรียกร้องเอาเงินค่าใช้จ่ายอย่างอื่นนอกวงเงินที่จำเลยกำหนด แม้เพื่อใช้จ่ายในกิจการดังกล่าว ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์ ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น"
พิพากษายืน ค่าทนายความชั้นฎีกาให้เป็นพับ
หมายเลขคดีดำศาลฎีกา nan
แหล่งที่มา สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ชื่อคู่ความ โจทก์ - ห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล ติลลิกีแอนด์กิบบินส์ จำเลย - นาย โรบิน การ์ดอน เกรกสัน
ชื่อองค์คณะ อากาศ บำรุงชีพ ถวิล ทองสว่างรัตน์ พัลลภ พิสิษฐ์สังฆการ
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ที่ตัดสิน nan