สารบัญ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5354/2531

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5354/2531

ประมวลกฎหมายอาญา ม. 80, 288, 295

จำเลยใช้ไม้แปรรูปหน้า 3 นิ้ว กว้าง 1 นิ้ว ยาว 1 เมตรเศษตีทำร้ายโจทก์ร่วมขณะที่โจทก์ร่วมกำลังขับขี่รถจักรยานยนต์โจทก์ร่วมเอี้ยวตัวหลบทันไม้ของกลางถูกโจทก์ร่วมที่นิ้วก้อยขวากระดูกนิ้วก้อยหักและถูกกระจกไฟเลี้ยวขวาของรถจักรยานยนต์แตก บาดแผลของโจทก์ร่วมแพทย์ให้ความเห็นว่าสมควรพักรักษาตัวที่บ้าน 3อาทิตย์ ดังนี้การที่จำเลยใช้ไม้ตีโจทก์ร่วมเพียงทีเดียวโดยตีในระดับหน้าอก ไม้ที่ใช้ตีก็มิใช่อาวุธที่ร้ายแรง บาดแผลก็ไม่ร้ายแรงสาเหตุระหว่างโจทก์ร่วมกับจำเลยก็มิใช่สาเหตุร้ายแรงถึงกับจะต้องฆ่า จึงยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าโจทก์ร่วม

เนื้อหาฉบับเต็ม

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยใช้ไม้ตีโจทก์ร่วมโดยเจตนาฆ่า แต่การกระทำไม่บรรลุผล ขอให้ลงโทษตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 80, 288ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามฟ้อง จำคุก 10 ปี จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295 จำคุก 1 ปี โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า "คดีมีปัญหาจะต้องวินิจฉัยว่า การกระทำของจำเลยเป็นความผิดฐานพยายามฆ่าผู้เสียหายตามฎีกาโจทก์หรือไม่ข้อเท็จจริงรับฟังเป็นยุติตามคำวินิจฉัยของศาลล่างทั้งสองว่าจำเลยได้ใช้ไม้แปรรูปหน้า 3 นิ้ว กว้างประมาณ 1 นิ้ว ยาวประมาณ1 เมตรเศษตีทำร้ายโจทก์ร่วมขณะที่โจทก์ร่วมกำลังขับขี่รถจักรยานยนต์ โจทก์ร่วมเอี้ยวตัวหลบทัน ไม้ของกลางถูกโจทก์ร่วมที่นิ้วก้อยขวา กระดูกนิ้วก้อยหักและถูกกระจกไฟเลี้ยวขวารถจักรยานยนต์แตก บาดแผลของโจทก์ร่วมนั้นแพทย์ให้ความเห็นว่าสมควรพักรักษาตัวที่บ้านเป็นเวลา 3 อาทิตย์เห็นว่า การที่จำเลยใช้ไม้ตีโจทก์ร่วมเพียงทีเดียวเท่านั้น โดยตีในระดับหน้าอกผู้เสียหาย สำหรับไม้ที่จำเลยใช้ตีโจทก์ร่วมซึ่งมีขนาด 3 x 1 นิ้วยาวประมาณ 1 เมตร ก็มิใช่เป็นอาวุธที่ร้ายแรง ส่วนบาดแผลของโจทก์ร่วมก็ไม่ร้ายแรงเพียงแต่กระดูกนิ้วก้อยหัก แพทย์ผู้ตรวจชันสูตรบาดแผลให้ความเห็นว่ารักษาหายภายใน 3 สัปดาห์สาเหตุระหว่างโจทก์ร่วมกับจำเลยก็เนื่องมาจากก่อนเกิดเหตุจำเลยวานให้โจทก์ร่วมไปซื้อสุรา แต่โจทก์ร่วมไม่ไปกลับพูดว่าจำเลยเป็นคนร้ายลักรถจักรยานยนต์ของผู้อื่นและโจทก์ร่วมกับจำเลยไปชอบพอผู้หญิงคนเดียวกันซึ่งก็มิใช่สาเหตุที่ร้ายแรงถึงกับจะต้องฆ่าโจทก์ร่วม ที่โจทก์ฎีกาว่า การที่จำเลยใช้ไม้ดังกล่าวตีโจทก์ร่วมขณะที่ขับขี่รถจักรยานยนต์ด้วยความเร็วหากตีถูกบริเวณใบหน้าหรือคอเพียงครั้งเดียวก็อาจทำให้โจทก์ร่วมถึงแก่ความตายได้นั้นก็เป็นเพียงการคาดหมายของโจทก์เท่านั้น เมื่อพิเคราะห์ถึงสาเหตุพฤติการณ์แห่งคดี ลักษณะบาดแผลและอาวุธที่ใช้แล้ว ยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าโจทก์ร่วม ที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าจำเลยมีความผิดฐานทำร้ายร่างกายนั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย"

พิพากษายืน

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา nan

แหล่งที่มา เนติบัณฑิตยสภา

ชื่อคู่ความ โจทก์ - อัยการ ระยอง โจทก์ - โจทก์ร่วม โจทก์ - นาย สม พงษ์ ขวนขวาย จำเลย - นาย ดำรง ค์ กลางหาญ

ชื่อองค์คณะ มงคล เปาอินทร์ สหัส สิงหวิริยะ ถาวร ตันตราภรณ์

ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ที่ตัดสิน nan

ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th
ติดต่อเราทาง LINE