สารบัญ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5245/2533

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5245/2533

ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ม. 900, 914, 989, 1077, 1087 ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ม. 142, 172, 225, 247

ปัญหาเรื่องฟ้องเคลือบคลุม จำเลยมิได้อุทธรณ์เป็นประเด็นไว้จึงเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลอุทธรณ์และไม่เป็นปัญหาอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย คำฟ้องของโจทก์ได้บรรยายถึงมูลหนี้ซื้อขายเดิม และมูลหนี้ที่จำเลยออกเช็คพิพาทชำระหนี้ราคาสินค้านั้นให้แก่โจทก์ด้วยดังนั้น แม้ข้อเท็จจริงปรากฏว่าห้างหุ้นส่วนจำกัดซึ่งจำเลยเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการเป็นผู้ซื้อสินค้าจากโจทก์ แต่เมื่อจำเลยในฐานะส่วนตัวได้ออกเช็คพิพาทชำระหนี้ให้แก่โจทก์ จำเลยผู้ลงลายมือชื่อสั่งจ่ายเช็คก็ต้องรับผิดตามเนื้อความในเช็คนั้น

เนื้อหาฉบับเต็ม

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้สั่งซื้อสินค้าจากโจทก์หลายคราว และค้างชำระค่าสินค้าเป็นเงิน 40,000 บาท จำเลยสั่งจ่ายเช็คธนาคารกรุงเทพ จำกัดสาขาศรีนครพิงค์ ลงวันที่ 10 ตุลาคม 2526จำนวนเงิน 40,000 บาท ชำระหนี้ค่าสินค้าให้แก่โจทก์แต่ธนาคารปฏิเสธการจ่าย ขอให้จำเลยชำระเงินจำนวนดังกล่าวให้แก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ย

จำเลยให้การว่า ฟ้องโจทก์เคลือบคลุมเพราะมิได้บรรยายว่าการที่จำเลยออกเช็คเมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2526 เป็นการชำระหนี้ค่าสินค้าซึ่งถึงกำหนดเมื่อใดทำให้จำเลยหลงต่อสู้และไม่สามารถต่อสู้คดีได้ จำเลยไม่เคยซื้อสินค้าจากโจทก์เช็คตามฟ้องเป็นเช็คของจำเลยจริงแต่โจทก์นำมาฟ้องเรียกค่าสินค้ามิได้ฟ้องเรียกเงินตามเช็คจำเลยจึงไม่ต้องรับผิด ขอให้ยกฟ้อง

ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษาให้จำเลยชำระเงิน 40,000 บาทแก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันที่ 12ตุลาคม 2526 จนกว่าจะชำระเสร็จ

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า ห้างหุ้นส่วนจำกัดวิเชียรโลหะกิจได้ซื้อสินค้าไปจากโจทก์ โดยจำเลยซึ่งเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการเป็นผู้สั่งซื้อ จำเลยสั่งจ่ายเช็คพิพาทลงวันที่ 10 ตุลาคม2526 จำนวนเงิน 40,000 บาท ชำระหนี้ค่าสินค้าให้โจทก์แต่ธนาคารปฏิเสธการจ่าย

ที่จำเลยฎีกาว่า ฟ้องของโจทก์เคลือบคลุมเพราะมิได้บรรยายว่าจำเลยซื้อสินค้าไปในวันใด ถึงกำหนดชำระค่าสินค้าเมื่อใดทำให้จำเลยไม่สามารถยกอายุความขึ้นต่อสู้และทำให้จำเลยหลงต่อสู้นั้น เห็นว่าปัญหาเรื่องฟ้องของโจทก์เคลือบคลุมนี้ จำเลยมิได้อุทธรณ์เป็นประเด็นไว้ จึงเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาในศาลอุทธรณ์ และไม่เป็นปัญหาอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย

จำเลยฎีกาต่อมาว่า ห้างหุ้นส่วนจำกัดวิเชียรโลหะกิจเป็นผู้ซื้อสินค้าของโจทก์ ที่ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยในฐานะเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการต้องรับผิดชำระค่าสินค้าให้แก่โจทก์ โดยโจทก์มิได้ฟ้องให้จำเลยรับผิดในฐานะผู้ออกเช็คหรือในฐานะหุ้นส่วนผู้จัดการของห้างหุ้นส่วนวิเชียรโลหะกิจ เป็นการพิพากษานอกฟ้องนั้นพิเคราะห์แล้วโจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยซื้อสินค้าไปจากโจทก์และค้างชำระราคาเป็นเงิน 40,000 บาท แล้วได้ออกเช็คพิพาทลงวันที่ 10 ตุลาคม 2526 โดยจำเลยเป็นผู้สั่งจ่ายเงิน 40,000 บาทมอบให้แก่โจทก์ ขอให้จำเลยชำระเงิน 40,000 บาทพร้อมดอกเบี้ยเช่นนี้เห็นว่า คำฟ้องของโจทก์ได้บรรยายถึงมูลหนี้ซื้อขายเดิม และมูลหนี้ที่จำเลยออกเช็คพิพาทชำระหนี้ราคาสินค้านั้นให้แก่โจทก์ด้วยดังนั้น แม้ข้อเท็จจริงปรากฏว่า ห้างหุ้นส่วนจำกัดวิเชียรโลหะกิจซึ่งจำเลยเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการเป็นผู้ซื้อสินค้าแต่เมื่อจำเลยในฐานะส่วนตัวได้ออกเช็คพิพาทชำระหนี้แก่โจทก์ จำเลยผู้ลงลายมือชื่อสั่งจ่ายเช็คก็ต้องรับผิดตามเนื้อความในเช็คนั้น ฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น

พิพากษายืน

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา nan

แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ชื่อคู่ความ โจทก์ - ห้างหุ้นส่วนจำกัด เจ.บี.พี.เพ็นท์ จำเลย - นาย วิเชียร ธนะศรานวร คุณ

ชื่อองค์คณะ สุเทพ กิจสวัสดิ์ ชูศักดิ์ บัณฑิตกุล ปิ่นทิพย์ สุจริตกุล

ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ที่ตัดสิน nan

ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th
ติดต่อเราทาง LINE