สารบัญ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5036/2531

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5011 - 5036/2531

พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ.2522 ม. 31 ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ม. 202, 205 วรรคสาม (1)

เมื่อจำเลยขาดนัดพิจารณา ศาลย่อมมีอำนาจสั่งและดำเนินกระบวนพิจารณาไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 202 แล้วจดแจ้งเรื่องที่กระทำหรือการดำเนินกระบวนพิจารณาทั้งหลายนั้นคงไว้ในรายงานกระบวนพิจารณาฉบับเดียวกันได้

จำเลยมาศาลในขณะที่ศาลแรงงานกลางกำลังอ่านรายงานกระบวนพิจารณา ซึ่งศาลแรงงานกลางได้มีคำสั่งให้งดสืบพยานโจทก์ที่เหลือนั้นต่อไปและจดแจ้งว่าคดีเสร็จการพิจารณา ดังนี้ เป็นเรื่องที่จำเลยมาศาลเมื่อพ้นเวลาที่จำเลยจะนำพยานของตนเข้าสืบตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 205 วรรคสาม (1) จำเลยจึงไม่มีสิทธินำพยานเข้าสืบ

เนื้อหาฉบับเต็ม

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยจ้างโจทก์เป็นลูกจ้างประจำต่อมาวันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๓๑ จำเลยเลิกจ้างโจทก์โดยไม่มีความผิด ขอให้บังคับจำเลยจ่ายค่าชดเชยให้แก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ย

จำเลยให้การว่า โจทก์มิใช่ลูกจ้างประจำของจำเลยและทำงานติดต่อกันไม่เกิน ๑๒๐ วัน โจทก์ไม่มีสิทธิได้รับค่าชดเชย ขอให้ยกฟ้อง

วันนัดสืบพยานโจทก์ จำเลยไม่มาศาล ศาลแรงงานกลางมีคำสั่งว่า จำเลยขาดนัดพิจารณาให้สืบพยานโจทก์ไปฝ่ายเดียว แล้วพิพากษาให้จำเลยจ่ายค่าชดเชยให้แก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ย

จำเลยอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา

ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า การที่จำเลยขาดนัดพิจารณา ศาลย่อมมีอำนาจสั่งและดำเนินกระบวนพิจารณาไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา มาตรา ๒๐๒ แล้วจดแจ้งเรื่องที่กระทำหรือการดำเนินกระบวนพิจารณา ทั้งหลายนั้นลงไว้ในรายงานกระบวนพิจารณาฉบับเดียวกันได้ ไม่เป็นการขัดต่อกฎหมายที่จะถือไม่ได้ว่าจำเลยขาดนัดพิจารณาและเป็นการชี้ขาดตัดสินคดีไปฝ่ายเดียวและเมื่อจำเลยมาศาลในขณะที่ศาลแรงงานกลางกำลังอ่านรายงานกระบวนพิจารณาซึ่งศาลแรงงานกลางได้มีคำสั่งให้งดสืบพยานโจทก์ที่เหลือนั้นต่อไป และจดแจ้งว่าคดีเสร็จการพิจารณา ดังนี้ เป็นเรื่องที่จำเลยมาศาลเมื่อพ้นเวลาที่จำเลยจะนำพยานของตนเข้าสืบ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๐๕ วรรคสาม (๑) จำเลยจึงไม่มีสิทธินำพยานเข้าสืบได้ แต่ศาลแรงงานกลางพิพากษาให้จ่ายค่าชดเชยแก่โจทก์ที่ ๒๓ เกินกว่าที่ปรากฏในคำฟ้องและคำขอบังคับ จึงให้ได้รับเพียงเท่าที่มีคำขอ

พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยจ่ายค่าชดเชยให้แก่โจทก์ที่ ๒๓ เป็นเงิน ๑๖,๒๐๐ บาท กับดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับแต่วันเลิกจ้างเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลแรงงานกลาง

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา nan

แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ชื่อคู่ความ โจทก์ - นายประเสริฐ พันแสน กับพวก ล. - บริษัท นารายณ์ชิปปิ้ง จำกัด

ชื่อองค์คณะ มาโนช เพียรสนอง สุพจน์ นาถะพินธุ วิศิษฏ์ ลิมานนท์

ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ที่ตัดสิน ศาลแรงงานกลาง - นายสมชาย อุดมวงษ์ ศาลอุทธรณ์

ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th
ติดต่อเราทาง LINE