คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4977/2533
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ม. 72, 75 ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ม. 55, 60 พระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ.2505 ม. 46 กฎมหาเถรสมาคม ฉบับที่ 10 (พ.ศ.2513) ออกตามความในพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ.2505
โจทก์เป็นวัดที่อยู่ในความปกครองของคณะสงฆ์ไทย พ.ร.บ.คณะสงฆ์ พ.ศ. 2505 มาตรา 46 บัญญัติว่า "การปกครองคณะสงฆ์อื่นนอกจากคณะสงฆ์ไทยให้เป็นไปตามกฎกระทรวง" แต่ก็ยังไม่ปรากฏว่าได้ออกกฎกระทรวงใช้บังคับแก่คณะสงฆ์อื่นนอกจากคณะสงฆ์จีนนิกายอนัมนิกายแต่อย่างใด การแต่งตั้งผู้รักษาการแทนเจ้าอาวาสของโจทก์จึงต้องปฏิบัติตาม พ.ร.บ. คณะสงฆ์ พ.ศ. 2505 และกฎมหาเถรสมาคมดังนั้น การที่อธิบดีสงฆ์พม่าแต่งตั้งพระณรงค์นันทิโยเป็นผู้รักษาการแทนเจ้าอาวาสของโจทก์จึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพราะมิใช่เป็นการแต่งตั้งตาม พ.ร.บ. คณะสงฆ์ พ.ศ. 2505 และกฎมหาเถรสมาคม พระณรงค์นันทิโย จึงไม่มีอำนาจฟ้องในฐานะผู้รักษาการแทนเจ้าอาวาสของโจทก์.
คดีทั้งสามสำนวนนี้ ศาลชั้นต้นรวมพิจารณาพิพากษาเข้าด้วยกันโดยเรียกจำเลยตามลำดับสำนวนเป็นจำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 3
โจทก์ทั้งสามสำนวนฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของตึกแถวจำเลยทั้งสามเป็นผู้เช่าช่วงตึกแถวของโจทก์ แต่จำเลยทั้งสามผิดนัดไม่ชำระค่าเช่า โจทก์ทวงถามแล้วจำเลยทั้งสามเพิกเฉยโจทก์จึงบอกเลิกการเช่า ขอให้บังคับจำเลยทั้งสามขนย้ายทรัพย์สินและบริวารออกไป และชำระค่าเสียหายแก่โจทก์เดือนละ คนละ 3,000 บาทนับตั้งแต่วันฟ้อง
จำเลยทั้งสามสำนวนให้การว่า พระณรงค์ นันทิโย ไม่ใช่เจ้าอาวาสหรือผู้รักษาการแทนเจ้าอาวาสของโจทก์ โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษายกฟ้อง
โจทก์ทั้งสามสำนวนอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ทั้งสามสำนวนฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายว่า ข้อเท็จจริงเบื้องต้นรับฟังได้ว่า โจทก์ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาเป็นนิติบุคคลประเภทวัดวาอาราม ขณะฟ้องตำแหน่งเจ้าอาวาสว่างอยู่ เพราะเจ้าอาวาสองค์สุดท้ายมรณภาพ ปัญหาวินิจฉัยมีว่าการที่อธิบดีสงฆ์พม่าแต่งตั้งพระณรงค์ นันทิโย เป็นเจ้าอาวาสวัดโจทก์ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ คดีนี้โจทก์ฎีกาได้แต่เฉพาะปัญหาข้อกฎหมาย การวินิจฉัยปัญหาดังกล่าวจึงต้องถือตามข้อเท็จจริงที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยมาแล้วจากพยานหลักฐานในสำนวน ซึ่งศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงว่าการให้เช่าตึกแถวของโจทก์ โจทก์ต้องส่งร่างสัญญาเช่าต่อผู้ว่าราชการจังหวัดเพื่อเสนอกรมการศาสนาให้ความเห็นชอบคณะสงฆ์ไทยและกรมการศาสนาไม่เคยยกวัดโจทก์ให้สถานทูตพม่า รายได้จากค่าเช่าเก็บไว้ที่วัดไม่ได้ส่งให้สถานทูตพม่า จากข้อเท็จจริงดังกล่าวเห็นได้ชัดว่า โจทก์เป็นวัดที่อยู่ ในความปกครองของคณะสงฆ์ไทย ประกอบกับพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ มาตรา 46 บัญญัติว่า"การปกครองคณะสงฆ์อื่นนอกจากคณะสงฆ์ไทยให้เป็นไปตามกฎกระทรวง"แต่ก็ยังไม่ปรากฏว่าได้ออกกฎกระทรวงใช้บังคับแก่คณะสงฆ์อื่นนอกจากคณะสงฆ์จีนนิกายและอนัมนิกายแต่อย่างใด การแต่งตั้งผู้รักษาการแทนเจ้าอาวาสของโจทก์ จึงต้องปฏิบัติตามพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ. 2505 และกฎมหาเถรสมาคม ดังนั้นการที่อธิบดีสงฆ์พม่าแต่งตั้งพระณรงค์ นันทิโย เป็นผู้รักษาการแทนเจ้าอาวาสของโจทก์จึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพราะมิใช่เป็นการแต่งตั้งตามพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ. 2505 และกฎมหาเถรสมาคมพระณรงค์ นันทิโย จึงไม่มีอำนาจฟ้องในฐานะผู้รักษาการแทนเจ้าอาวาสของโจทก์
พิพากษายืน.
หมายเลขคดีดำศาลฎีกา nan
แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ชื่อคู่ความ โจทก์ - วัด หนอง คำ จำเลย - นาย มนัส กุลภักดีสิงวร กับพวก
ชื่อองค์คณะ อากาศ บำรุงชีพ พัลลภ พิสิษฐ์สังฆการ อุดม เฟื่องฟุ้ง
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ที่ตัดสิน nan