คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4974/2533
ประมวลกฎหมายอาญา ม. 335, 357 ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ม. 134, 226, 227
การรับฟังคำรับสารภาพชั้นสอบสวนซึ่งจำเลยปฏิเสธชั้นศาลมาใช้ลงโทษจำเลยโจทก์ต้องมีพยานประกอบว่าจำเลยกระทำผิดจริงและพยานประกอบนั้นมิใช่มีเพียงคำเบิกความของพนักงานสอบสวนผู้สอบสวนคำรับสารภาพเท่านั้น คดีนี้พยานประกอบของโจทก์คือ ด. ซึ่งอาจตกเป็นผู้ต้องหาร่วมกับจำเลย ด. อาจซัดทอดจำเลยเพื่อให้ตนพ้นจากการตกเป็นผู้ต้องหาก็ได้ คำเบิกความของ ด. จึงมีน้ำหนักน้อยพยานหลักฐานของโจทก์ไม่มีน้ำหนักพอที่จะลงโทษจำเลยตามฟ้องได้.
โจทก์ฟ้องว่า มีคนร้ายลักโคของผู้เสียหาย ต่อมาจำเลยนำโคของผู้เสียหายไปขายแก่ผู้มีชื่อ ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 335, 357
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 357 จำคุก 3 ปี ลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 คงจำคุก 2 ปี ข้อหาอื่นให้ยก
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายว่า การรับฟังคำรับสารภาพชั้นสอบสวนซึ่งจำเลยปฏิเสธชั้นศาลมาใช้ลงโทษจำเลย โจทก์ต้องมีพยานประกอบว่าจำเลยกระทำผิดจริงและพยานประกอบนั้นมิใช่มีเพียงคำเบิกความของพนักงานสอบสวนผู้สอบสวนคำรับสารภาพเท่านั้นคดีนี้พยานประกอบของโจทก์คือนายดอรอสะ เบิกความรับว่า ได้ขับรถยนต์บรรทุกโคดังกล่าวไปส่งที่อำเภอสายบุรีจริง ในชั้นสอบสวนจำเลยก็ให้การว่า นายดอรอสะ ได้พูดแนะนำจำเลยว่าที่อำเภอสายบุรีมีคนคอยรับซื้อโคดังกล่าวอยู่ เช่นนี้ นายดอรอสะ จึงอาจตกเป็นผู้ต้องหาฐานร่วมกันลักทรัพย์หรือรับของโจรโคดังกล่าว และนายดอรอสะ อาจซัดทอดจำเลยเพื่อให้ตนพ้นจากการตกเป็นผู้ต้องหาก็ได้ คำเบิกความของนายดอรอสะ จึงมีน้ำหนักน้อย ฉะนั้น พยานหลักฐานของโจทก์ไม่มีน้ำหนักพอที่จะลงโทษจำเลยฐานรับของโจรตามฟ้องได้
พิพากษายืน.
หมายเลขคดีดำศาลฎีกา nan
แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ชื่อคู่ความ โจทก์ - พนักงานอัยการ จังหวัด ยะลา จำเลย - นาย วา ยา ปา แ น
ชื่อองค์คณะ ปรีชา ธนานันท์ พิชิต พรหมพิทักษ์กุล บุญศรี กอบบุญ
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ที่ตัดสิน nan