คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4920/2567
ประมวลกฎหมายอาญา ม. 83, 86, 342 (1), 343
การรับจ้างเปิดบัญชีแล้วมอบสมุดบัญชีเงินฝากให้บุคคลอื่นไปใช้เป็นเรื่องผิดปกติวิสัย ย่อมแสดงให้เห็นเจตนาร้ายของจำเลย ตามพฤติการณ์ดังกล่าวจำเลยเล็งเห็นได้ว่า ค. อาจเป็นผู้รับจัดหาคนมาเปิดบัญชีให้คนร้ายหรือร่วมกับคนร้ายอาจนำสมุดบัญชีเงินฝากของจำเลยไปใช้ในการกระทำความผิดกฎหมายหรือแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบ จำเลยจะอ้างว่าถูกหลอกใช้หาได้ไม่ การกระทำของจำเลยจึงเป็นกระทำด้วยประการใด ๆ อันเป็นการช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกแก่คนร้ายได้รับประโยชน์จากบัญชีเงินฝากของจำเลยก่อนและขณะที่คนร้ายร่วมกันฉ้อโกงผู้เสียหายที่ 2 จำเลยจึงมีความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิดของผู้อื่นฐานร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยแสดงตนเป็นคนอื่น
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 1, 83, 269/5, 269/7, 341, 342, 343 พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 มาตรา 3, 5, 7, 9, 14 ให้จำเลยคืนเงิน 200,000 บาท ที่ยังไม่ได้คืนแก่ผู้เสียหายที่ 2
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษแผนกคดีเยาวชนและครอบครัวพิพากษายืน
โจทก์ฎีกา โดยอัยการสูงสุดรับรองให้ฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีเยาวชนและครอบครัววินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงที่คู่ความไม่โต้แย้งกันในชั้นฎีกาฟังเป็นยุติว่า นางสาวนฤมล ผู้เสียหายที่ 2 เปิดบัญชีเงินฝากธนาคาร ท. ผู้เสียหายที่ 1 สาขาเอสพละนาด เลขที่บัญชี 404 - 095xxx - x พร้อมสมัครเข้าใช้งาน "SCB Easy App" ซึ่งการเข้าสู่ระบบเพื่อใช้งานมีการกำหนดชื่อและรหัสผ่าน เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2563 ผู้เสียหายที่ 2 ถูกคนร้ายร่วมกันหลอกลวงโดยแสดงตนเป็นผู้เสียหายที่ 1 จนผู้เสียหายที่ 2 หลงเชื่อว่าข้อความที่ได้รับจากคนร้ายทางโทรศัพท์เคลื่อนที่ให้ปรับปรุงข้อมูลธนาคารเป็นของผู้เสียหายที่ 1 จึงกรอกข้อมูลส่วนตัวลงในลิงก์ข้อความเว็บไซต์ปลอมของผู้เสียหายที่ 1 หลังจากนั้นเงินในบัญชีเงินฝากของผู้เสียหายที่ 2 จำนวน 200,000 บาท ถูกโอนไปยังบัญชีเงินฝากธนาคาร ห. สาขากำแพงแสน เลขที่บัญชี 345 - 2 - 52xxx - x และโอนต่อไปยังบัญชีเงินฝากธนาคาร ท. สาขาเทสโก้โลตัส กำแพงแสน เลขที่บัญชี 416 - 075xxx - x ซึ่งเป็นบัญชีเงินฝากของจำเลยทั้งสองบัญชี แล้วเงินจำนวนดังกล่าวถูกโอนไปยังบัญชีเงินฝากของนางสาวอภิญญา ที่ธนาคาร ท. สาขาเซ็นทรัลพลาซา แกรนด์ พระราม 9 เลขที่บัญชี 407 - 386xxx - x
คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า จำเลยเป็นคนร้ายกระทำความผิดฐานร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยแสดงตนเป็นคนอื่น ร่วมกันเข้าถึงโดยมิชอบซึ่งระบบคอมพิวเตอร์และข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่มีมาตรการป้องกันการเข้าถึงโดยเฉพาะและมาตรการนั้นมิได้มีไว้สำหรับตน ร่วมกันทำให้เสียหาย ทำลาย แก้ไข เปลี่ยนแปลง หรือเพิ่มเติมซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ของผู้อื่นโดยมิชอบ ร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จหรือปลอม และร่วมกันใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ของผู้อื่นที่ผู้ออกได้ออกให้แก่ผู้มีสิทธิใช้ เพื่อใช้ประโยชน์ในการเบิกถอนเงินสดโดยมิชอบตามฟ้องหรือไม่ โจทก์ฎีกาโดยสรุปว่า ผู้เสียหายที่ 2 ถูกหลอกให้กรอกข้อมูลส่วนตัวในลิงก์ข้อความเว็บไซต์ปลอมของธนาคาร ท. แล้วมีการโอนเงินจากบัญชีธนาคาร ท. ของผู้เสียหายที่ 2 จำนวน 200,000 บาท ไปยังบัญชีเงินฝากธนาคาร ห. และถูกโอนต่อไปยังบัญชีเงินฝากธนาคาร ท. ซึ่งทั้งสองบัญชีเป็นบัญชีเงินฝากของจำเลยที่รับจ้างเปิดบัญชีรับโอนเงิน ตามพฤติการณ์การกระทำของจำเลยเป็นการกระทำความผิดในลักษณะการแบ่งหน้าที่กันทำ ร่วมกันหลอกลวงเพื่อให้ได้ไปซึ่งทรัพย์สินของผู้เสียหายที่ 2 จำเลยจึงมีความผิดตามฟ้อง ข้อนี้ได้ความจากคำเบิกความของผู้เสียหายที่ 2 ว่า วันเกิดเหตุผู้เสียหายที่ 2 ได้รับลิงก์ข้อความ SMS ทางโทรศัพท์เคลื่อนที่หมายเลข 08 6971 xxxx ให้ปรับปรุงข้อมูลของธนาคาร ท. ซึ่งผู้เสียหายที่ 2 มีบัญชีเงินฝากอยู่ที่ธนาคารดังกล่าว สาขาเอสพละนาด เมื่อกดลิงก์ข้อความเข้าไปพบเว็บไซต์มีภาพเครื่องหมายการค้าของผู้เสียหายที่ 1 จึงกรอกข้อมูลลงในเว็บไซต์ หลังจากนั้นเวลากลางคืนผู้เสียหายที่ 2 ได้รับจดหมายอิเล็กทรอนิกส์แจ้งว่ามีเงินออกจากบัญชีเงินฝากของผู้เสียหายที่ 2 จำนวน 200,000 บาท จึงเข้าไปที่แอปพลิเคชัน "SCB Easy" เพื่อตรวจสอบแต่ไม่สามารถเข้าไปได้ และไม่สามารถติดต่อพนักงานของผู้เสียหายที่ 1 ทางโทรศัพท์เคลื่อนที่ได้ วันรุ่งขึ้นผู้เสียหายที่ 2 โทรศัพท์สอบถามพนักงานของผู้เสียหายที่ 1 อีกครั้ง รับแจ้งว่าบัญชีเงินฝากถูกล็อกและมีเงินออกจากบัญชีผิดปกติ โดยมีร้อยตำรวจเอกกิติศักดิ์ พนักงานสอบสวนกองกำกับการ 1 กองบังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 3 เบิกความเป็นพยานโจทก์ถึงลักษณะการกระทำความผิดของคนร้ายว่า ความผิดที่เกิดขึ้นมีผู้ถูกหลอกลวงในลักษณะเดียวกัน 49 คน ผู้เสียหายที่ 2 เป็นคนหนึ่งในจำนวนนั้น ผู้กระทำความผิดจะส่งลิงก์ข้อความเว็บไซต์ปลอมของผู้เสียหายที่ 1 ไปยังโทรศัพท์เคลื่อนที่ของผู้ถูกหลอกลวง เมื่อผู้ถูกหลอกลวงกดลิงก์ข้อความเข้าไปในเว็บไซต์และกรอกข้อมูลส่วนตัวเพื่อปรับปรุงข้อมูลของธนาคาร ผู้กระทำความผิดจะนำข้อมูลไปเข้าใช้ระบบบัญชีเงินฝากทางอินเทอร์เน็ตของผู้ถูกหลอกลวงในเว็บไซต์ที่แท้จริงของธนาคาร จากนั้นจะถอนเงินออกจากบัญชีเงินฝากของผู้ถูกหลอกลวงโอนเข้าบัญชีที่ผู้กระทำความผิดเตรียมไว้ โดยลักษณะการกระทำความผิด กระทำกันเป็นขบวนการ แบ่งเป็น 3 กลุ่ม กลุ่มแรกเป็นกลุ่มจัดทำเว็บไซต์ปลอม กลุ่มที่สองเป็นผู้ว่าจ้างเปิดบัญชีเงินฝากและรับจ้างเปิดบัญชีเงินฝากเพื่อรับโอนเงินจากบัญชีเงินฝากของผู้ถูกหลอกลวง และกลุ่มที่สามเป็นผู้ทำหน้าที่ถอนเงินจากตู้ถอนเงินอัตโนมัติ (เอทีเอ็ม) นำเข้าบัญชีเงินฝากของผู้กระทำความผิดด้วยวิธีการฝากเข้าตู้รับฝากเงินสด กลุ่มคนที่รับเงินไปเป็นชาวจีน (ไต้หวัน) และถูกเจ้าพนักงานตำรวจสถานีตำรวจนครบาลสายไหมจับกุมได้ ตามผลการตรวจสอบวิเคราะห์ข้อมูลแผนประทุษกรรมรายงานการสืบสวนการจับกุมผู้ต้องหา และเครือข่ายการกระทำผิดสอดคล้องเชื่อมโยงกับคำเบิกความของผู้เสียหายที่ 2 และพยานเอกสาร จึงเชื่อว่าคนร้ายร่วมกันกระทำความผิดในลักษณะเป็นขบวนการและลงมือกระทำความผิดนับแต่มีการส่งลิงก์ข้อความเว็บไซต์ปลอมของผู้เสียหายที่ 1 ไปยังผู้เสียหายที่ 2 และผู้ถูกหลอกลวง และเป็นความผิดต่อเนื่องกันมาจนกระทั่งเงินในบัญชีเงินฝากของผู้เสียหายที่ 2 และผู้ถูกหลอกลวงออกไปจากบัญชีและผ่านไปยังบัญชีของคนร้ายเพื่อบรรลุวัตถุประสงค์สุดท้ายคือเงินที่ได้จากการหลอกลวง โดยคนร้ายใช้อุปกรณ์หรือชุดอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ของคนร้ายเชื่อมต่อเข้าด้วยกันกับระบบ "SCB Easy Net" หรือแอปพลิเคชัน "SCB Easy App" ซึ่งเป็นระบบคอมพิวเตอร์ของผู้เสียหายที่ 1 และเข้าถึงข้อมูลในบัญชีธนาคาร ท. สาขาเอสพละนาด เลขที่บัญชี 404 - 095xxx - x ของผู้เสียหายที่ 2 และข้อมูลในบัญชีธนาคาร ท. ของผู้ถูกหลอกลวงที่อยู่ในระบบคอมพิวเตอร์ของผู้เสียหายที่ 1 อันเป็นการหลอกลวงประชาชนทั่วไป มิได้มุ่งหมายเจาะจงหลอกลวงเฉพาะผู้เสียหายที่ 2 หรือผู้ถูกหลอกลวงคนหนึ่งคนใด แต่ขึ้นอยู่กับคนร้ายจะสุ่มได้หมายเลขโทรศัพท์เคลื่อนที่ของลูกค้าธนาคาร ท. คนใดที่ปรากฏอยู่ในระบบคอมพิวเตอร์ของคนร้าย อันเป็นการร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยแสดงตนเป็นคนอื่นและร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จหรือปลอมและความผิดอื่นที่เกี่ยวข้อง และโจทก์มีพันตำรวจโทสืบสกุล พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรเมืองลำปาง เบิกความประกอบข้อมูลบัญชีเงินฝากธนาคาร ห. สาขากำแพงแสน เลขที่บัญชี 345 - 2 - 52xxx - x และบัญชีเงินฝากธนาคาร ท. สาขาเทสโก้โลตัส กำแพงแสน เลขที่บัญชี 416 - 075xxx - x ซึ่งทั้งสองบัญชีเป็นบัญชีเงินฝากของจำเลยที่รับโอนเงิน 200,000 บาท จากบัญชีเงินฝากของผู้เสียหายที่ 2 ว่า จากการตรวจสอบข้อมูลที่ได้รับจากธนาคาร ห. สาขากำแพงแสน จังหวัดนครปฐม พบว่า ผู้เปิดบัญชีเงินฝากธนาคารและเปิดใช้แอปพลิเคชันโมบายแบงก์กิ้ง โดยใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่หมายเลข 09 8464 xxxx มีหมายเลขบัตรประจำตัวประชาชน 1 7302 0139x xx x ซึ่งเป็นหมายเลขบัตรประจำตัวประชาชนของจำเลยตามสำเนาข้อมูลผู้ใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่โดยมีนางสาวนันธิยา พนักงานของผู้เสียหายที่ 1 เป็นพยานโจทก์เบิกความว่า จำเลยเปิดบัญชีเงินฝากที่ธนาคาร ท. สาขาเทสโก้โลตัส กำแพงแสน เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม 2563 วันนั้นพยานปฏิบัติงานอยู่มีการตั้งป้ายข้อความว่า การรับจ้างเปิดบัญชีหรือยินยอมให้ผู้อื่นใช้บัญชีมีโทษทางกฎหมายและเมื่อตรวจสอบข้อมูลการเคลื่อนไหวทางบัญชีเงินฝากของจำเลย เลขที่บัญชี 416 - 075xxx - x ตามรายการบัญชีออมทรัพย์ปรากฏว่าวันที่ 4 ธันวาคม 2563 เวลา 21.59 นาฬิกา ถึง 22.03 นาฬิกา มีรายการรับโอนเงินผ่านระบบพร้อมเพย์เข้าบัญชีเงินฝากของจำเลย 4 รายการ และในช่วงเวลา 22.42 นาฬิกา ถึง 22.45 นาฬิกา มีรายการโอนเงินออกจากบัญชีเงินฝากของจำเลย 3 รายการ ไปยังบัญชีเงินฝากของนางสาวอภิญญา ตามรายการบัญชีออมทรัพย์แต่พยานหลักฐานโจทก์ดังกล่าวไม่ปรากฏว่าจำเลยได้ใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ของจำเลยในการส่งลิงก์ข้อความเว็บไซต์ปลอม หรือใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ในการโอนเงินออกจากบัญชีของผู้เสียหายที่ 2 หรือจำเลยได้มอบบัตรถอนเงินสด (เอทีเอ็ม) ให้ผู้ใด คงได้ความเพียงว่า ขณะเกิดเหตุจำเลยเป็นเพียงผู้เปิดบัญชีและมีเงินของผู้เสียหายที่ 2 ผ่านเข้าออกบัญชีของจำเลยเท่านั้น ข้อเท็จจริงจึงยังไม่เพียงพอที่จะบ่งชี้ชัดว่าจำเลยมีเจตนาร่วมกระทำความผิดกับคนร้ายมาตั้งแต่ต้นโดยแบ่งหน้าที่กันทำอันจะเป็นตัวการในการกระทำความผิดได้ อย่างไรก็ตามเมื่อปรากฏชัดว่า ในวันที่จำเลยเปิดบัญชีเงินฝากที่ธนาคาร ท. สาขาเทสโก้โลตัส กำแพงแสน มีการห้ามเปิดบัญชีรับจ้างด้วยป้ายข้อความว่า การรับจ้างเปิดบัญชีหรือยินยอมให้ผู้อื่นใช้บัญชีมีโทษทางกฎหมายอยู่ในตำแหน่งที่จำเลยผู้เปิดบัญชีมองเห็นได้ง่าย จำเลยก็อ้างตนเองเป็นพยานเบิกความถึงสาเหตุที่เปิดบัญชีเงินฝากธนาคาร ท. และบัญชีเงินฝากธนาคาร ห. ว่า นางสาวแคท ไม่ทราบชื่อและชื่อสกุลจริง ขอให้ช่วยเปิดบัญชีแล้วจะให้เงิน จำเลยถูกหลอกจึงเปิดบัญชีเงินฝากดังกล่าวโดยได้รับเงินมาบัญชีละ 400 บาท และมอบสมุดบัญชีเงินฝากให้แก่นางสาวแคทไป คำเบิกความของจำเลยย่อมใช้ยันจำเลยได้และเจือสมพยานหลักฐานโจทก์ ถือว่าการเปิดบัญชีของจำเลยเป็นการรับจ้างเปิดบัญชีเงินฝากโดยได้รับค่าจ้างเป็นการตอบแทน ซึ่งปกติทั่วไปการเปิดบัญชีเงินฝากสำหรับฝากและเบิกถอนเงินนั้น ย่อมเป็นไปเพื่อประโยชน์ของผู้ขอเปิดบัญชีในการทำธุรกรรมการเงินกับธนาคาร ผู้ขอเปิดบัญชีควรที่จะต้องเก็บสมุดบัญชีไว้กับตนเอง การรับจ้างเปิดบัญชีแล้วมอบสมุดบัญชีเงินฝากให้บุคคลอื่นไปใช้เป็นเรื่องผิดปกติวิสัย ย่อมแสดงให้เห็นเจตนาร้ายของจำเลย ตามพฤติการณ์ดังกล่าวจำเลยเล็งเห็นได้ว่านางสาวแคทอาจเป็นผู้รับจัดหาคนมาเปิดบัญชีให้คนร้ายหรือร่วมกับคนร้ายอาจนำสมุดบัญชีเงินฝากของจำเลยไปใช้ในการกระทำความผิดกฎหมายหรือแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบ จำเลยจะอ้างว่าถูกหลอกใช้หาได้ไม่ การกระทำของจำเลยจึงเป็นกระทำด้วยประการใด ๆ อันเป็นการช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกแก่คนร้ายได้รับประโยชน์จากบัญชีเงินฝากของจำเลยก่อนและขณะที่คนร้ายร่วมกันฉ้อโกงผู้เสียหายที่ 2 จำเลยจึงมีความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิดของผู้อื่นฐานร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยแสดงตนเป็นคนอื่น แม้โจทก์จะฟ้องว่าจำเลยเป็นตัวการร่วมกระทำความผิดกับคนร้าย แต่ทางพิจารณาได้ความว่าเป็นการสนับสนุนการกระทำความผิด อันมิใช่ข้อแตกต่างกันในสาระสำคัญและจำเลยมิได้หลงต่อสู้ ศาลย่อมมีอำนาจลงโทษจำเลยตามข้อเท็จจริงที่พิจารณาได้ความนั้นได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรคสอง, 215 และมาตรา 225 ประกอบพระราชบัญญัติศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ. 2553 มาตรา 182/1 วรรคสอง และโจทก์มีอำนาจขอให้จำเลยคืนหรือใช้เงิน 200,000 บาท แก่ผู้เสียหายที่ 2 ได้ ที่ศาลล่างทั้งสองวินิจฉัยและพิพากษายกฟ้องโจทก์มานั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ฟังขึ้นบางส่วน
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 342 (1), 343 วรรคสอง ประกอบมาตรา 86 ขณะกระทำความผิดจำเลยอายุ 17 ปีเศษ ลดมาตราส่วนโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 76 เป็นจำคุก 1 ปี ทางนำสืบของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้หนึ่งในสี่ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 9 เดือน อาศัยอำนาจตามพระราชบัญญัติศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ. 2553 มาตรา 142 (1) ให้เปลี่ยนโทษจำคุกเป็นส่งตัวจำเลยไปควบคุมเพื่อฝึกอบรมที่ศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชนจังหวัดลำปาง มีกำหนดขั้นต่ำ 1 ปี ขั้นสูง 2 ปี เมื่อพิจารณาพฤติการณ์แห่งคดีที่มีความร้ายแรงและอายุของจำเลยขณะกระทำความผิด อาศัยอำนาจตามพระราชบัญญัติศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ. 2553 มาตรา 142 วรรคท้าย หากจำเลยมีอายุครบ 24 ปีบริบูรณ์ยังควบคุมเพื่อฝึกอบรมยังไม่ครบกำหนดขั้นต่ำให้ส่งตัวจำเลยไปจำคุกในเรือนจำ มีกำหนด 1 ปี และให้จำเลยคืนหรือใช้เงิน 200,000 บาท แก่ผู้เสียหายที่ 2 นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษ
หมายเลขคดีดำศาลฎีกา ยช.(อ)42/2566
แหล่งที่มา สรรหาฎีกาเด็ด