สารบัญ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4889/2532

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4889/2532

พระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ พ.ศ.2518 ม. 5, 10

ข้อบังคับตามระเบียบว่าด้วยกองทุนเงินสะสมที่กำหนดสิทธิของโจทก์ซึ่งเป็นลูกจ้างในอันที่จะได้รับเงินสมทบส่วนของบริษัทจำเลยซึ่งเป็นนายจ้างที่มีข้อความว่า ส่วนที่จะได้รับจากบริษัทพนักงานที่เป็นสมาชิกถ้าออกจากงานก่อนเกษียณอายุ หากมีอายุงาน2 ปีขึ้นไป จะได้รับเงินสะสมของตนคืนพร้อมดอกเบี้ยและเงินสมทบจากบริษัทพร้อมดอกเบี้ยตามสัดส่วนดังนี้ ฯลฯ อายุงานครบ 7 ปี ส่วนที่บริษัทสมทบ 70 เปอร์เซ็นต์ ฯลฯ ทั้งนี้ไม่รวมถึงพนักงานที่ต้องออกจากงานเนื่องจากการลดคนทุพพลภาพ หรือเสียชีวิต บริษัทอาจสมทบให้เต็ม 100 เปอร์เซ็นต์ โดยไม่นำอายุงานมาใช้เป็นเงื่อนไข"เป็นข้อบังคับที่กำหนดเป็นการให้ดุลพินิจของจำเลยที่จะจ่ายเงินสมทบเต็ม 100 เปอร์เซ็นต์ หรือไม่ก็ได้โดยไม่ต้องพิจารณาเรื่องอายุงานถ้าเป็นการออกจากงานเนื่องจากกรณีตามที่กำหนดไว้คือ การลดคนทุพพลภาพ หรือเสียชีวิต มิใช่เป็นข้อกำหนดที่เป็นบทบังคับว่าถ้าโจทก์ออกจากงานด้วยเหตุดังกล่าวแล้ว จำเลยจะต้องจ่ายเงินสมทบเต็ม100 เปอร์เซ็นต์ เพราะคำว่า "อาจสมทบให้" นั้น ไม่อาจจะแปลไปในทางที่เป็นผลบังคับฝ่ายที่ปฏิบัติให้ต้องปฏิบัติเป็นการแน่นอนดังนั้นการที่โจทก์ซึ่งมีอายุงานครบ 7 ปี ออกจากงานเนื่องจากจำเลยเลิกจ้างเพราะต้องการลดคน สิทธิของโจทก์ที่จะได้รับเงินสมทบจากจำเลยตามระเบียบดังกล่าวจึงมีเพียง 70 เปอร์เซ็นต์.

เนื้อหาฉบับเต็ม

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้จ้างโจทก์เข้าทำงานเป็นลูกจ้างประจำจำเลยได้เลิกจ้างโจทก์โดยให้เหตุผลว่ายุบตำแหน่งหรือลดคนโดยโจทก์ไม่มีความผิด ในระหว่างที่โจทก์ทำงานกับจำเลยมีระเบียบว่าด้วยกองทุนเงินสะสม ซึ่งจำเลยจะต้องจ่ายเงินสมทบของจำเลยให้โจทก์เมื่อออกจากงานในอัตราสมทบ 100 เปอร์เซ็นต์ แต่จำเลยจ่ายเงินสมทบส่วนของจำเลยเพียง 70 เปอร์เซ็นต์ ขอให้จำเลยจ่ายเงินสมทบส่วนที่ขาดแก่โจทก์

จำเลยให้การว่า ตามระเบียบว่าด้วยกองทุนเงินสะสมนั้นโจทก์มีสิทธิได้รับเงินสมทบกองทุนส่วนของจำเลยเพียง 70 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น ไม่มีสิทธิที่จะได้รับ 100 เปอร์เซ็นต์ โจทก์ไม่มีสิทธิเรียกร้องจากจำเลยอีก ขอให้ยกฟ้อง

ศาลแรงงานกลางวินิจฉัยว่า จำเลยจ่ายเงินสมทบกองทุนเงินสะสมของจำเลยให้โจทก์ชอบด้วยระเบียบว่าด้วยกองทุนเงินสะสมแล้วพิพากษายกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา

ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า ตามระเบียบว่าด้วยกองทุนเงินสะสมนั้น โจทก์มีสิทธิที่จะได้รับเงินสมทบส่วนของจำเลยโดยคำนวณ 100 เปอร์เซ็นต์ หรือ 70 เปอร์เซ็นต์ ข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติตามคำพิพากษาศาลแรงงานกลางว่า โจทก์มีอายุงานครบ 7 ปีออกจากงานเนื่องจากจำเลยเลิกจ้างเพราะต้องการลดคน สิทธิของโจทก์ที่จะได้รับเงินสมทบส่วนของจำเลยนั้นเป็นไปตามที่กำหนดไว้ในระเบียบว่าด้วยกองทุนเงินสะสม ข้อ 9.3 ซึ่งมีความว่า "ส่วนที่จะได้รับจากบริษัท

พนักงานที่เป็นสมาชิกถ้าออกจากงานก่อนเกษียณอายุ หากมีอายุงาน 2 ปีขึ้นไป จะได้รับเงินสะสมของตนคืนพร้อมดอกเบี้ยและเงินสมทบจากบริษัทพร้อมดอกเบี้ยตามสัดส่วนดังนี้

ฯลฯ

อายุงานครบ 7 ปี ส่วนที่บริษัทสมทบ 70 เปอร์เซ็นต์

ฯลฯ

ทั้งนี้ไม่รวมถึงพนักงานที่ต้องออกจากงานเนื่องจากการลดคนทุพพลภาพ หรือเสียชีวิต บริษัทอาจสมทบให้เต็ม 100 เปอร์เซ็นต์โดยไม่นำอายุงานมาใช้เป็นเงื่อนไข"

เห็นว่า ตามที่กำหนดไว้ในวรรคสุดท้ายของระเบียบข้อ 9.3 ที่ว่าบริษัทอาจสมทบให้เต็ม 100 เปอร์เซ็นต์ โดยไม่นำอายุงานมาใช้เป็นเงื่อนไขนั้น เป็นข้อบังคับที่กำหนดเป็นการให้ดุลพินิจของบริษัทจำเลยที่จะจ่ายเงินสมทบเต็ม 100 เปอร์เซ็นต์ หรือไม่ก็ได้โดยไม่ต้องพิจารณาเรื่องอายุงาน ถ้าเป็นการออกจากงานเนื่องจากกรณีตามที่กำหนดไว้คือการลดคน ทุพพลภาพ หรือเสียชีวิต มิใช่เป็นข้อกำหนดที่เป็นบทบังคับว่าถ้าออกจากงานด้วยเหตุดังกล่าวแล้วบริษัทจำเลยจะต้องจ่ายเงินสมทบเต็ม 100 เปอร์เซ็นต์ ดังที่โจทก์กล่าวอ้างในอุทธรณ์ เพราะคำว่า "อาจสมทบให้" นั้นไม่อาจจะแปลไปในทางที่เป็นผลบังคับฝ่ายที่ปฏิบัติให้ต้องปฏิบัติเป็นการแน่นอนสิทธิของโจทก์ที่จะได้เงินสมทบจากจำเลยตามระเบียบดังกล่าวจึงมีเพียง 70 เปอร์เซ็นต์ ตามที่จำเลยได้จ่ายให้โจทก์ไป ศาลแรงงานกลางพิพากษาชอบแล้ว อุทธรณ์ของโจทก์ฟังไม่ขึ้น

พิพากษายืน.

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา nan

แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ชื่อคู่ความ โจทก์ - นาย ประเสริฐ จันทรา ทิพย์ จำเลย - บริษัท อัลคาเทลเซ้าท์เอเซียแปซิฟิค ( ประเทศ ไทย ) จำกัด

ชื่อองค์คณะ อุดม เฟื่องฟุ้ง ศักดา โมกขมรรคกุล ปรีชา ธนานันท์

ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ที่ตัดสิน nan

ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th
ติดต่อเราทาง LINE