คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 484/2536
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ม. 406, 456 ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ม. 142
เมื่อสัญญาซื้อขายบ้านตามฟ้องเป็นโมฆะ เพราะไม่ได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ เงินค่าซื้อบ้านที่จำเลยได้รับชำระไว้จากโจทก์จึงเป็นเงินที่จำเลยได้มาโดยปราศจากมูลอันจะอ้างกฎหมายได้ จำเลยจำต้องคืนแก่โจทก์ แม้โจทก์จะฟ้องขอคืนเงินค่าซื้อบ้านโดยอ้างเหตุว่าสัญญาเลิกกันศาลก็พิพากษาให้จำเลยคืนในฐานลาภมิควรได้ซึ่งเป็นบทกฎหมายที่ถูกต้องได้ หาเป็นการพิพากษาเกินไปกว่าคำฟ้องไม่ เพราะคดีแพ่งนั้นเมื่อข้อเท็จจริงตามคำฟ้อง คำให้การ และตามข้อนำสืบของทั้งสองฝ่ายรับฟังได้ชัดแจ้งอย่างใดแล้ว ศาลก็ยกข้อกฎหมายขึ้นปรับแก่คดีเองได้
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยตกลงขายบ้านเลขที่ 113/2 หมู่ที่ 10ตำบลนครสวรรค์ตก อำเภอเมืองนครสวรรค์ จังหวัดนครสวรรค์ ของจำเลยให้แก่โจทก์ในราคา 200,000 บาท โดยให้โจทก์ผ่อนส่งเดือนละเท่าใดก็ได้ แต่ต้องให้เสร็จสิ้นภายใน 6 ปี โจทก์ผ่อนชำระราคาบ้านให้จำเลยแล้ว 11 เดือน เป็นเงิน 20,700 บาท ต่อมาจำเลยไม่ยอมรับเงินที่โจทก์ผ่อนชำระค่าบ้าน และปฏิเสธไม่ยอมขายบ้านแก่โจทก์ เป็นการผิดสัญญา ขอให้บังคับจำเลยชำระเงินจำนวน 20,700 บาท คืนแก่โจทก์
จำเลยให้การว่า สัญญาซื้อขายบ้านตามฟ้องหากมีอยู่จริงก็เป็นโมฆะ เพราะไม่ได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า โจทก์จำเลยมุ่งประสงค์ซื้อขายบ้านกันเป็นการเด็ดขาด แต่ไม่ได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่จึงตกเป็นโมฆะ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 456 วรรคแรก จำเลยจึงรับเงินค่าซื้อบ้านจำนวน 20,700 บาทจากโจทก์ไว้โดยปราศจากมูลอันจะอ้างกฎหมายได้ โจทก์มีอำนาจฟ้องเรียกเงินจำนวนดังกล่าวคืนได้ในฐานะลาภมิควรได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 406 พิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวน 20,700 บาทคืนแก่โจทก์
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีคงมีปัญหาข้อกฎหมายที่จะต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยว่า ที่ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวน20,700 บาท แก่โจทก์นั้นเป็นการพิพากษาเกินไปกว่าคำฟ้องหรือไม่พิเคราะห์แล้วเห็นว่า คดีแพ่งนั้นเมื่อข้อเท็จจริงตามคำฟ้องคำให้การ และตามข้อนำสืบของทั้งสองฝ่ายรับฟังได้ชัดแจ้งอย่างใดแล้วศาลก็ยกข้อกฎหมายขึ้นปรับแก่คดีเองได้ คดีนี้จำเลยต่อสู้อย่างเดียวว่าสัญญาซื้อขายบ้านตามฟ้องเป็นโมฆะเพราะไม่ได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ส่วนเงินค่าซื้อบ้านที่โจทก์ขอคืน จำเลยไม่ได้โต้เถียงเลยว่าจำเลยมีสิทธิหรือไม่ต้องคืนด้วยเหตุใด เช่นนี้ เมื่อสัญญาซื้อขายบ้านตามฟ้องเป็นโมฆะ เพราะไม่ได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ เงินค่าซื้อบ้านที่จำเลยได้รับชำระไว้จากโจทก์จึงเป็นเงินที่จำเลยได้มาโดยปราศจากมูลอันจะอ้างกฎหมายได้ จำเลยจำต้องคืนแก่โจทก์ ถึงโจทก์จะขอคืนโดยอ้างเหตุว่าสัญญาเลิกกัน ศาลก็พิพากษาให้จำเลยคืนในฐานลาภมิควรได้ ซึ่งเป็นบทกฎหมายที่ถูกต้องได้ หาเป็นการพิพากษาเกินไปกว่าคำฟ้องไม่
พิพากษายืน
หมายเลขคดีดำศาลฎีกา nan
แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ชื่อคู่ความ โจทก์ - นาง เย็น สุ่ม ดี จำเลย - นาง ยี สุขโกมินทร์
ชื่อองค์คณะ สมศักดิ์ วิธุรัติ เทพฤทธิ์ ศิลปานนท์ สมมาตร พรหมานุกูล
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ที่ตัดสิน nan