สารบัญ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4710/2532

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4710/2532

ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ม. 158 (5)

โจทก์บรรยายฟ้องว่า เจ้าพนักงานยึดได้อาวุธปืนที่จำเลยมีไว้และพาไปเป็นของกลาง โดยระบุวัน เดือน ปี และสถานที่เกิดเหตุว่าตำบล อำเภอ และจังหวัดใด ดังนี้เป็นคำฟ้องที่ชัดแจ้งชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5) ส่วนที่โจทก์มิได้บรรยายฟ้องว่าขณะเกิดเหตุจำเลยหลบหนีหรือยังจับตัวจำเลยไม่ได้นั้น เป็นเพียงรายละเอียดหาจำต้องงบรรยายมาในฟ้องไม่

เนื้อหาฉบับเต็ม

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 19 มกราคม 2532 เวลากลางคืนก่อนเที่ยง จำเลยได้มีอาวุธปืนลูกซองสั้น ขนาด 12 หมายเลขทะเบียนนศ 2/5162 ซึ่งเป็นของนายแคล้ว ขันหะ จำนวน 1 กระบอกไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียนท้องที่ กับพาอาวุธปืนดังกล่าวติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน ทางสาธารณะ ที่ชุมนุมชนที่จัดให้มีขึ้นเพื่อการแต่งงานโดยเปิดเผยโดยไม่มีเหตุอันสมควร และโดยจำเลยไม่ได้รับอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัวไป และไม่ใช่กรณีที่ต้องมีติดตัวไปเมื่อมีเหตุจำเป็นและเร่งด่วนตามสมควรแก่พฤติการณ์ ทั้งจำเลยไม่ใช้เจ้าพนักงานและไม่ได้รับยกเว้นตามกฎหมาย เหตุเกิดที่ตำบลไม้เรียง อำเภอฉวาง จังหวัดนครศรีธรรมราช ตามวันเวลาดังกล่าวเจ้าพนักงานยึดได้อาวุธปืน 1 กระบอก และปลอกกระสุนปืน 1ปลอก ตามที่จำเลยมีไว้และพาไปเป็นความผิดดังกล่าวแล้วเป็นของกลางต่อมาวันที่ 25 มกราคม 2532 จำเลยเข้ามอบตัวต่อพนักงานสอบสวนขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิดดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 7, 8 ทวิ,72, 72 ทวิ คำสั่งของคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน ฉบับที่ 44ลงวันที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2519 ข้อ 3, 6, 7 ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 91 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 6)พ.ศ. 2526 มาตรา 4

จำเลยให้การรับสารภาพ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนเครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืนพ.ศ. 2490 มาตรา 7, 8 ทวิ, 72, 72 ทวิ (ที่ถูกมาตรา 8 ทวิ วรรคสอง,72 วรรคสาม, 72 ทวิ วรรคสอง) ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ลงโทษฐานมีอาวุธปืน จำคุก 1 ปี ฐานพาอาวุธปืน จำคุก 1 ปี รวมจำคุก 2 ปีจำเลยให้การรับสารภาพ มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 1 ปี

จำเลยอุทธรณ์ขอให้รอการลงโทษจำคุก

ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำคุกจำเลยกระทงละ 6 เดือนลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุกกระทงละ3 เดือน รวม 2 กระทง จำคุก 6 เดือน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาตรวจวินิจฉัยว่า "พิเคราะห์แล้วโจทก์ได้บรรยายฟ้องว่า เจ้าพนักงานยึดได้อาวุธปืนที่จำเลยมีไว้และพาไปเป็นของกลางเมื่อวันที่ 19 มกราคม 2532 กับระบุด้วยว่าเหตุเกิดที่ตำบล อำเภอและจังหวัดใด จึงเป็นฟ้องที่ชัดแจ้งชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5) แล้ว ส่วนที่โจทก์มิได้บรรยายฟ้องว่า ขณะเกิดเหตุจำเลยหลบหนีหรือยังจับตัวจำเลยไม่ได้นั้นเป็นเพียงรายละเอียด หาจำต้องบรรยายมาในฟ้องด้วยแต่อย่างใดไม่"

พิพากษายืน

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา nan

แหล่งที่มา สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ชื่อคู่ความ โจทก์ - พนักงานอัยการ ประจำ ศาล่จังหวัดทุ่งสง จำเลย - นาย สม ศักดิ์ สโมสร

ชื่อองค์คณะ สุประดิษฐ์ หุตะสิงห์ สุรัตน์ ศรีอนุพันธ์ุ จำลอง สุขศิริ

ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ที่ตัดสิน nan

ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th
ติดต่อเราทาง LINE