คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 467/2532
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ม. 916
การคบคิดกันฉ้อฉลหรือความไม่สุจริตอันจะทำให้ผู้สั่งจ่ายยกความเกี่ยวพันระหว่างตนกับผู้ทรงคนก่อนขึ้นต่อสู้ผู้ทรงได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 916 นั้น จะต้องเกิดขึ้นขณะที่ผู้ทรงรับโอนเช็ค.
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยที่ 1 ผู้สั่งจ่ายเช็คและจำเลยที่ 2ผู้สลักหลังร่วมกันใช้เงินตามเช็คซึ่งธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน
จำเลยที่ 1 ให้การว่าโจทก์ไม่ใช่ผู้ทรงเช็คโดยชอบด้วยกฎหมายเนื่องจากรับโอนมาโดยคบคิดกันฉ้อฉล จำเลยที่ 1 จึงไม่ต้องรับผิด
จำเลยที่ 2 ให้การว่าฟ้องโจทก์เคลือบคลุมและขาดอายุความ
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินจำนวนตามฟ้อง
จำเลยที่ 1 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ 1 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า การคบคิดกันฉ้อฉลหรือไม่สุจริตอันจะทำให้ผู้สั่งจ่ายยกความเกี่ยวพันระหว่างตนกับผู้ทรงคนก่อนขึ้นต่อสู้ผู้ทรงได้ตามข้อความตอนท้ายของประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา916 นั้น จะต้องเป็นการคบคิดกันฉ้อฉลหรือความไม่สุจริตที่เกิดขึ้นขณะที่ผู้ทรงรับโอนเช็ค เมื่อจำเลยที่ 1 มิได้นำสืบว่าขณะที่ที่จำเลยที่ 2 โอนเช็คให้โจทก์ได้มีการคบคิดกันฉ้อฉลหรือไม่สุจริตอย่างไร คดีฟังไม่ได้ว่าโจทก์รับโอนเช็คพิพาทด้วยคบคิดกันฉ้อฉลหรือไม่สุจริต
พิพากษายืน.
หมายเลขคดีดำศาลฎีกา nan
แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ชื่อคู่ความ โจทก์ - นาย ยิ่ง ยง ครู อุตสาหะ จำเลย - นาย พัฒน์ พัฒน พล กับพวก
ชื่อองค์คณะ นิเวศน์ คำผอง บุญส่ง คล้ายแก้ว ประชา บุญวนิช
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ที่ตัดสิน nan