คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4617/2533
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ม. 226, 227
ผู้ตายเป็นพี่ชายจำเลย หลังเกิดเหตุประมาณ 1 สัปดาห์ จำเลยพูดรับต่อมารดาและพี่ชายอีกคนหนึ่งของจำเลยว่า จำเลยเป็นคนยิงผู้ตาย แม้คำรับของจำเลยจะเป็นปฏิปักษ์ต่อจำเลยเองก็ตาม แต่จำเลยพูดไปเพราะถูกข่มขู่และพูดไปโดยไม่สมัครใจหรือบริสุทธิ์ใจ ทั้งโจทก์ไม่มีพยานหลักฐานแวดล้อมกรณีมาประกอบพอที่จะชี้ให้เห็นได้ว่าจำเลยเป็นคนฆ่าผู้ตายจริง ย่อมไม่อาจนำคำรับของจำเลยที่เป็นปฏิปักษ์ต่อจำเลยมาฟังลงโทษจำเลยได้
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘จำคุก ๒๐ ปี คำรับและข้อนำสืบของจำเลยเป็นการให้ความรู้แก่ศาล มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๘ คงจำคุก ๑๓ ปี ๖ เดือน (ที่ถูกเป็น ๑๓ ปี๔ เดือน)
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า แม้จะฟังได้ว่าจำเลยได้พูดรับกับมารดาและพี่ชายอีกคนหนึ่งของจำเลยว่า จำเลยเป็นคนยิงผู้ตาย และคำรับของจำเลยจะเป็นปฏิปักษ์ต่อจำเลยเองก็ตาม แต่เมื่อได้ความว่าจำเลยพูดไปเพราะถูกข่มขู่และพูดไปโดยไม่สมัครหรือบริสุทธิ์ใจ ทั้งโจทก์ไม่มีพยานหลักฐานแวดล้อมกรณีมาประกอบพอที่จะชี้ให้เห็นได้ว่าจำเลยเป็นคนฆ่าผู้ตายจริงแล้ว ก็ไม่อาจนำคำรับของจำเลยที่เป็นปฏิปักษ์ต่อจำเลยมาฟังลงโทษจำเลยได้ พยานหลักฐานของโจทก์ยังเป็นที่สงสัย ไม่แน่ว่าจำเลยเป็นคนยิงผู้ตาย ต้องยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จำเลยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา ๒๒๗
พิพากษายืน.
หมายเลขคดีดำศาลฎีกา nan
แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ชื่อคู่ความ โจทก์ - พนักงานอัยการจังหวัดศรีสะเกษ จำเลย - นายเลียงหรือลาง ครองใจ
ชื่อองค์คณะ จองทรัพย์ เที่ยงธรรม พนม พ่วงภิญโญ อุดม มั่งมีดี
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ที่ตัดสิน ศาลจังหวัดศรีสะเกษ - นายสาคร ตั้งวรรณวิบูลย์ ศาลอุทธรณ์ - นายสถิตย์ เล็งไธสง