สารบัญ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4558/2531

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4558/2531

ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ม. 93 (2)

โจทก์ส่งสำเนา (ภาพถ่ายเอกสาร) หนังสือรับสภาพหนี้ของจำเลยเป็นพยานต่อศาล โดยมิได้นำสืบหรือแถลงโดยชัดแจ้งให้รับฟังได้ว่าต้นฉบับเอกสารดังกล่าวหายสาบสูญหรือค้นหาไม่พบหรือถูกทำลายโดยเหตุสุดวิสัยหรือไม่สามารถนำต้นฉบับมาได้โดยประการอื่นกรณีจึงไม่เข้าข้อยกเว้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 93(2) ซึ่งทำให้โจทก์มีสิทธินำสำเนา (ภาพถ่ายเอกสาร) หรือพยานบุคคลมาสืบได้ และการที่ศาลรับสำเนาหนังสือดังกล่าวไว้ระหว่างพิจารณา จะถือว่าเป็นการที่ศาลอนุญาตให้โจทก์อ้างสำเนาหรือพยานบุคคลมาสืบโดยปริยายแล้วไม่ได้

เนื้อหาฉบับเต็ม

โจทก์ฟ้องขอให้มีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยทั้งสองเด็ดขาดและพิพากษาให้เป็นบุคคลล้มละลาย จำเลยทั้งสองไม่ได้ยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง โจทก์อุทธรณ์ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า "ที่โจทก์ฎีกาว่า หนังสือรับสภาพหนี้ของจำเลยทั้งสอง แม้เป็นภาพถ่ายไม่ใช่ต้นฉบับเอกสาร ก็รับฟังเป็นพยานหลักฐานได้ เพราะประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 93(2) ได้บัญญัติข้อยกเว้นในการที่ศาลจะรับฟังสำเนาเอกสารหรือพยานบุคคลเป็นพยานหลักฐานได้นั้น ได้ตรวจคำเบิกความพยานโจทก์ทุกปากแล้ว ไม่ปรากฏว่าโจทก์ได้นำสืบหรือแถลงโดยชัดแจ้งให้รับฟังได้ว่าต้นฉบับเอกสารหายสาบสูญหรือค้นหาไม่พบ หรือถูกทำลายโดยเหตุสุดวิสัย หรือไม่สามารถนำต้นฉบับมาได้โดยประการอื่นเพราะฉะนั้นจึงยังไม่เป็นกรณีเข้าข้อยกเว้นตามบทกฎหมายที่โจทก์อ้าง ซึ่งทำให้โจทก์มีสิทธินำสำเนา (หรือภาพถ่ายเอกสาร) หรือพยานบุคคลมาสืบได้ ที่โจทก์ฎีกาว่าการที่โจทก์อ้างส่งสำเนาเอกสารส่งศาลเป็นกรณีที่โจทก์ไม่สามารถนำต้นฉบับมาได้โดยประการอื่นและการที่ศาลรับสำเนาหนังสือรับสภาพหนี้เป็นการที่ศาลอนุญาตให้โจทก์อ้างสำเนาหรือพยานบุคคลมาสืบโดยปริยายจึงรับฟังเป็นพยานหลักฐานได้นั้น เห็นว่า คดีไม่ปรากฏข้อเท็จจริงตามข้อยกเว้นของบทกฎหมายที่โจทก์อ้างมาในตอนต้นแล้ว ดังนั้นที่ศาลชั้นต้นรับสำเนา (ภาพถ่าย) จะถือว่าเป็นกรณีที่มีข้อเท็จจริงอันเป็นข้อยกเว้นตามบทกฎหมายที่โจทก์อ้างหาได้ไม่ เพราะฉะนั้นจึงรับฟังไม่ได้ว่า จำเลยทั้งสองได้ทำหนังสือรับสภาพหนี้ไว้ให้โจทก์เมื่อวันที่ 1 กันยายน 2518 อันจะทำให้อายุความในหนี้ที่โจทก์นำมาฟ้องสะดุดหยุดลง เมื่อหนี้ตามสัญญาทรัสทรีซีทรายนี้ถึงกำหนดชำระในปีพ.ศ. 2514 แต่โจทก์นำคดีมาฟ้องเมื่อวันที่ 2 กันยายน 2528 คดีโจทก์จึงขาดอายุความ ไม่จำเป็นต้องวินิจฉัยฎีกาโจทก์ข้ออื่นอีกศาลล่างทั้งสองพิพากษามาชอบแล้ว ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น"

พิพากษายืน

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา nan

แหล่งที่มา เนติบัณฑิตยสภา

ชื่อคู่ความ โจทก์ - ธนาคาร สยาม จำกัด จำเลย - ห้างหุ้นส่วนจำกัด ฮั่วเฮงเชียง กับพวก

ชื่อองค์คณะ เสริมพงศ์ วรยิ่งยง ดุสิต วราโห เกียรติ จาตนิลพันธ์

ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ที่ตัดสิน nan

ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th
ติดต่อเราทาง LINE