คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4498/2532
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ม. 55, 288
ผู้ร้องกับจำเลยอยู่ด้วยกันฉันสามีภรรยาโดยมิได้จดทะเบียนสมรสได้ร่วมกันประกอบธุรกิจ และใช้เงินซึ่งทำมาหาได้ด้วยกันซื้อทรัพย์ที่โจทก์นำยึดทรัพย์ดังกล่าวจึงเป็นของผู้ร้องกับจำเลยร่วมกันผู้ร้องซึ่งเป็นเจ้าของรวมจึงร้องขัดทรัพย์ไม่ได้.
คดีสืบเนื่องจากโจทก์ฟ้องให้จำเลยที่ 1 ที่ 2 ร่วมกันชำระหนี้ตามสัญญาเช่าซื้อและค้ำประกัน ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองชำระหนี้ตามสัญญาเช่าซื้อและค้ำประกัน ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองชำระเงินพร้อมดอกเบี้ยจำเลยทั้งสองไม่ชำระ โจทก์นำบังคับคดียึดทรัพย์สิน 3 รายการ คือ สิทธิการเช่าโทรศัพท์เครื่องแยกสายโทรศัพท์มาสเตอร์คอนโทรล และเครื่องนาฬิกาตอกบัตรเวลา
ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า ทรัพย์ที่โจทก์นำยึดเป็นของผู้ร้อง ขอให้ปล่อยทรัพย์ที่ยึด
โจทก์คัดค้านว่าทรัพย์เหล่านั้นเป็นของจำเลยที่ 2 ขอให้ยกคำร้อง
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า ทรัพย์ที่ยึดทั้ง 3 รายการเป็นของจำเลยที่ 2 มีคำสั่งให้ยกฟ้อง
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ปัญหาวินิจฉัยมีว่า จำเลยที่ 2 ผู้เป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษาเป็นเจ้าของทรัพย์ที่ยึดหรือไม่ เห็นว่าข้อเท็จจริงได้ความจากคำเบิกความของนายธีรพงษ์ ป้อมสะแกผู้รับมอบอำนาจจากผู้ร้องว่า ผู้ร้องกับจำเลยที่ 2 เป็นสามีภรรยาและอยู่กินด้วยกันแต่ไม่ได้จดทะเบียนสมรส ตามสำเนาภาพถ่ายทะเบียนบ้านเลขที่ 118/4 หมู่ 2 ตำบลบางเขน อำเภอเมืองนนทบุรีจังหวัดนนทบุรี เอกสารหมาย ค.1 มีชื่อจำเลยที่ 2 เป็นเจ้าบ้านและมีชื่อผู้ร้องกับบุตรของผู้ร้องกับจำเลยที่ 2 จำนวน 2 คน คือเด็กหญิงกัลยา พันธุ์พิทักษ์ เกิดปี พ.ศ. 2517 กับเด็กชายสุวัจชัยพันธุ์พิทักษ์ เกิดปี พ.ศ. 2518 อยู่ในทะเบียนบ้านด้วย ซึ่งบ้านเลขที่ 118/4 นี้ก็คือที่ตั้งโรงแรม 73 ที่จำเลยที่ 2 ได้รับใบอนุญาตเปิดโรงแรมในปี 2526 รายละเอียดปรากฏตามเอกสารหมาย ร.7อันเป็นสถานที่เดียวกันกับบ้านที่ผู้ร้องกับจำเลยที่ 2 และบุตรอาศัยอยู่ด้วยกันนั่นเองนอกจากนี้ข้อเท็จจริงยังได้ความจากคำเบิกความของนายธีระพงษ์พยานผู้ร้องอีกว่าโรงแรมและที่ดินที่ปลูกโรงแรมเป็นของผู้ร้อง ผู้ร้องได้นำไปขายฝากนางศิริพรอนุเคราะห์ดิลก ไว้ ตามหนังสือสัญญาขายฝากที่ดินเอกสารหมาย ร.3และ ร.4 ข้อเท็จจริงจึงเชื่อได้ว่าผู้ร้องกับจำเลยที่ 2 ซึ่งอยู่ด้วยกันฉันสามีภรรยาโดยมิได้จดทะเบียนสมรส ได้ร่วมกันประกอบธุรกิจกิจการโรงแรม 73 และเงินที่นำไปใช้ซื้อทรัพย์ที่โจทก์นำยึดเป็นเงินของผู้ร้องกับจำเลยที่ 2 ซึ่งทำมาหาได้ร่วมกันหาใช่เป็นของผู้ร้องหรือจำเลยที่ 2 ฝ่ายเดียวดังที่ผู้ร้องและโจทก์อ้างไม่ ทรัพย์ที่โจทก์นำยึดจึงเป็นของจำเลยที่ 2 กับผู้ร้องร่วมกัน ผู้ร้องซึ่งเป็นเจ้าของรวมจึงร้องขัดทรัพย์ไม่ได้
พิพากษายืน.
หมายเลขคดีดำศาลฎีกา nan
แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ชื่อคู่ความ โจทก์ - บริษัท เงินทุนหลักทรัพย์ ไอทีเอฟ จำกัด ผู้ร้อง - นาง โ สภา พันธุ์ พิทักษ์ จำเลย - นาย สิน จันครุธ กับพวก
ชื่อองค์คณะ เธียร ยูงทอง ประชา บุญวนิช สัมฤทธิ์ ไชยศิริ
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ที่ตัดสิน nan