สารบัญ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 43/2523

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 43/2523

ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ม. 21 (4), 307

บทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 21(4) มิได้บังคับว่าศาลต้องทำการไต่สวนทุกกรณีที่คู่ความยื่นคำร้องขอเข้ามา แต่ศาลมีอำนาจจะไต่สวนตามคำขอหรือไม่แล้วแต่ศาลจะพิจารณาเห็นสมควร กรณีศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้องเพราะเห็นว่า คำร้องขอของจำเลยไม่ต้องด้วยมาตรา 307 ดังนี้ แม้จะไต่สวนข้อเท็จจริงได้ความตามคำร้องขอก็ไม่อาจมีคำสั่งอนุญาตตามคำร้องขอนั้นได้ จึงชอบแล้ว

แม้จำเลยจะมีสำนักงานตั้งอยู่บนอสังหาริมทรัพย์รายได้จากการเป็นทนายความของจำเลยก็เกิดจากการประกอบวิชาชีพของจำเลยนั่นเอง รายได้จากการใช้วิชาชีพดังกล่าวไม่ใช่เป็นการค้าหรือมีลักษณะคล้ายคลึงใกล้เคียงกับการประกอบการพาณิชยกรรม จึงถือไม่ได้ว่าเป็นรายได้จากอสังหาริมทรัพย์หรือรายได้จากการประกอบพาณิชยกรรมในอันที่จะให้ศาลมีคำสั่งได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 307

เนื้อหาฉบับเต็ม

จำเลยยื่นคำร้องต่อศาลว่า จำเลยเป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษาและมีอาชีพเป็นทนายความ มีสำนักงานตั้งอยู่บ้านเลขที่ 26/6 ซึ่งเป็นทรัพย์สินที่โจทก์นำยึดเพื่อขายทอดตลาด จำเลยมีรายได้จากการประกอบอาชีพทนายความ หากมีการขายทอดตลาดจะทำให้จำเลยได้รับความเสียหาย จึงขอให้ศาลมีคำสั่งตามนัยแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 307 แทนการสั่งขายทอดตลาด

ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า กรณีของจำเลยไม่ต้องด้วยมาตรา 307 เพราะมิใช่รายได้ประจำปีจากอสังหาริมทรัพย์โดยตรง รายได้ของจำเลยไม่แน่นอน ให้ยกคำร้อง

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า บทบัญญัติมาตรา 21(4) แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มิได้บังคับว่าศาลต้องทำการไต่สวนทุกกรณีที่คู่ความยื่นคำร้องขอเข้ามา แต่ศาลมีอำนาจจะไต่สวนตามคำขอหรือไม่ แล้วแต่ศาลจะพิจารณาเห็นสมควร กรณีนี้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้องเพราะเห็นว่าคำร้องขอของจำเลยไม่ต้องด้วยมาตรา 307 ดังนี้ แม้จะไต่สวนข้อเท็จจริงได้ความตามคำร้องขอก็ไม่อาจมีคำสั่งอนุญาตตามคำร้องขอนั้นได้และแม้จำเลยจะมีสำนักงานตั้งอยู่บนอสังหาริมทรัพย์จริง รายได้จากการเป็นทนายความของจำเลยก็เกิดจากการประกอบอาชีพของจำเลยนั่นเอง รายได้จากการใช้วิชาชีพดังกล่าว ไม่ใช่เป็นการค้าหรือมีลักษณะคล้ายคลึงใกล้เคียงกับการประกอบการพาณิชยกรรม จึงถือไม่ได้ว่าป็นรายได้จากอสังหาริมทรัพย์หรือรายได้จากการประกอบพาณิชยกรรม ในอันที่จะให้ศาลมีคำสั่งได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 307

พิพากษายืน

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา nan

แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ชื่อคู่ความ โจทก์ - ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด จำเลย - นายสุชาติ โฉมฉาย

ชื่อองค์คณะ สนิท อังศุสิงห์ ชลูตม์ สวัสดิทัต วัฒน์ ผดุงจิตร

ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ที่ตัดสิน nan

ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th
ติดต่อเราทาง LINE