สารบัญ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 408/2519

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 408/2519

ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ม. 19 (4), 195, 218, 225 ประมวลกฎหมายอาญา ม. 91, 276, 318, 319

ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยแต่ละกระทงไม่เกิน 5 ปี ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนต้องห้ามฎีกาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218

ฎีกาจำเลยที่ว่าความผิดฐานข่มขืนกระทำชำเราเกิดขึ้นในท้องที่สถานีตำรวจนครบาลห้วยขวางพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจนครบาลลุมพินี 2 จึงไม่มีอำนาจสอบสวนนั้น แม้ไม่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วแต่ในศาลชั้นต้นแต่เป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกาวินิจฉัยให้

จำเลยพรากผู้เยาว์ไปจากบิดามารดาผู้ปกครอง เหตุเกิดในท้องที่สถานีตำรวจนครบาลลุมพินี 2 และได้ข่มขืนกระทำชำเรากับทำให้เสียทรัพย์ในท้องที่สถานีตำรวจนครบาลห้วยขวางดังนี้จำเลยกระทำผิดหลายกรรมกระทำลงในท้องที่ต่างๆ กันพนักงานสอบสวนในท้องที่หนึ่งท้องที่ใดที่เกี่ยวข้องย่อมมีอำนาจสอบสวนได้ตามมาตรา 19(4) แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา

เนื้อหาฉบับเต็ม

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยพรากผู้เสียหายอายุ 17 ปีเศษไปเสียจากบิดามารดาเพื่อการอนาจาร โดยผู้เสียหายไม่เต็มใจไปด้วย แล้วจำเลยได้ข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายกับฉีกเสื้อของผู้เสียหาย ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 276, 318, 358, 91 ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 11 ข้อ 7, 12

จำเลยให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 318 วรรคท้าย ให้จำคุก 4 ปี ผิดมาตรา 276 ให้จำคุก 4 ปี ผิดมาตรา 358 ให้จำคุก 2 เดือน รวมโทษจำคุก 8 ปี 2 เดือน

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้จำเลยฎีกาว่า ผู้เสียหายไปกับจำเลยโดยการยินยอมพร้อมใจกับไม่มีการขู่บังคับ จำเลยได้กระทำชำเราผู้เสียหาย เพราะผู้เสียหายยินยอม และเข้าใจว่าผู้เสียหายมีอายุ 18-19 ปี จึงไม่เป็นความผิดฐานพรากผู้เยาว์และข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหาย ส่วนเรื่องทำให้เสียทรัพย์ จำเลยรับว่าได้ฉีกเสื้อผู้เสียหายจริง แต่เป็นเสื้อที่จำเลยซื้อมาให้และอยู่นอกกายผู้เสียหาย ศาลฎีกาเห็นว่าข้อฎีกาของจำเลยดังกล่าวเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง เมื่อศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยแต่ละกระทงไม่เกิน5 ปี และศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น จำเลยจะฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงไม่ได้ ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 218 จึงไม่รับวินิจฉัย

ส่วนฎีกาของจำเลยที่ว่าความผิดฐานข่มขืนกระทำชำเราเกิดขึ้นในท้องที่สถานีตำรวจนครบาลห้วยขวาง พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจนครบาลลุมพินี 2ไม่มีอำนาจสอบสวนความผิดฐานข่มขืนกระทำชำเรา ฎีกาข้อนี้เป็นฎีกาในปัญหาข้อกฎหมาย ไม่อยู่ในข้อห้ามตามบทมาตราที่กล่าวแล้วข้างต้น ปัญหาข้อนี้ไม่ได้ยกขึ้นว่ากล่าวกันมาตั้งแต่ศาลชั้นต้น แต่เห็นว่าเป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย จึงรับวินิจฉัยให้ ข้อเท็จจริงได้ความว่าจำเลยพาผู้เสียหายซึ่งเป็นผู้เยาว์ไปจากบิดามารดาผู้ปกครอง เหตุเกิดในท้องที่สถานีตำรวจนครบาลลุมพินี 2 บิดาของผู้เสียหายได้ไปแจ้งความไว้ที่สถานีตรำวจนครบาลลุมพินี 2ต่อมาบิดามารดาผู้เสียหายติดตามไปพบผู้เสียหายที่แฟลตดินแดง ได้ความว่าจำเลยข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหาย และฉีกเสื้อผู้เสียหาย อันอยู่ในเขตท้องที่สถานีตำรวจนครบาลห้วยขวาง จึงได้ร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจนครบาลลุมพินี 2 ให้ดำเนินคดีกับจำเลย เห็นว่าจำเลยกระทำผิดหลายกรรม กระทำลงในท้องที่ต่าง ๆ กัน พนักงานสอบสวนในท้องที่หนึ่งท้องที่ใดที่เกี่ยวข้องย่อมมีอำนาจสอบสวนได้ตามมาตรา 19(4) แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ดังนั้น ที่พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจนครบาลลุมพินี 2 ทำการสอบสวนคดีนี้เป็นการชอบแล้ว

พิพากษายืน

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา nan

แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ชื่อคู่ความ โจทก์ - พนักงานอัยการกรมอัยการ จำเลย - นายโสภณ สิงหรา

ชื่อองค์คณะ สุธี ชอบธรรม สนับ คัมภีรยส สมชัย ทรัพยวณิช

ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ที่ตัดสิน nan

ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th
ติดต่อเราทาง LINE