สารบัญ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3940/2540

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3940/2540

ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ม. 1399

จำเลยได้ปลูกบ้านและทำประตูรั้วปิดกั้นทางพิพาทมานานประมาณ20ปีแล้วหลังจากนั้นโจทก์ได้ใช้ทางพิพาทโดยอาศัยสิทธิของจำเลยตลอดมาถึงแม้โจทก์จะเคยได้ภารจำยอมเหนือทางพิพาทมาก่อนหน้านั้นแล้วแต่ต่อมาโจทก์ยอมรับสิทธิเหนือทางพิพาทของจำเลยฐานะของโจทก์ย่อมเปลี่ยนไปเป็นการใช้ทางพิพาทโดยความยินยอมของจำเลยเป็นเวลานานถึง20ปีย่อมถือได้ว่าภารจำยอมระงับสิ้นไปเพราะการไม่ใช่ภารจำยอมเป็นเวลาเกินกว่า10ปีแล้วตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1399ทางพิพาทซึ่งอยู่ในที่ดินของจำเลยจึงไม่เป็นทางภารจำยอมอีกต่อไป

เนื้อหาฉบับเต็ม

โจทก์ทั้งสองฟ้องขอให้ศาลพิพากษาว่าที่ดินโฉนดเลขที่ 4511ของจำเลยเป็นทางภารจำยอมกว้าง 4 เมตร ตลอดแนวไปจนถึงทางสาธารณะแก่ที่ดินของโจทก์ทั้งสองตามแบบแจ้งการครอบครองเลขที่ 159ให้จำเลยจดทะเบียนภารจำยอมให้แก่โจทก์ทั้งสอง หากจำเลยไม่ไปจดทะเบียนภารจำยอมต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ก็ให้ถือเอาคำพิพากษาของศาลแทนการแสดงเจตนาของจำเลย

จำเลยให้การว่า จำเลยเป็นเจ้าของที่ดินโฉนดเลขที่ 4511 และได้ปลูกบ้านเลขที่ 28 บนที่ดินดังกล่าวพร้อมกับทำประตูรั้วทั้งด้านทิศตะวันออกและทิศตะวันตกมากว่า 20 ปี จำเลยได้ทำสวนส้มโอและสวนผลไม้อื่นในที่ดินเพื่อนำผลผลิตออกขายด้วย เส้นทางพิพาทซึ่งอยู่ในที่ดินของจำเลยเป็นทางส่วนตัวซึ่งใช้ในเฉพาะในครอบครัวและญาติพี่น้อง หากบุคคลภายนอกรวมทั้งโจทก์ทั้งสองจะใช้ทางในที่ดินของจำเลยจะต้องได้รับอนุญาตจากจำเลยก่อน ทางในที่ดินของจำเลยไม่ใช่ทางภารจำยอม ขอให้ยกฟ้อง

ศาลชั้นต้น พิพากษายก ฟ้อง

โจทก์ ทั้ง สอง อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ ภาค 2 พิพากษายืน

โจทก์ ทั้ง สอง ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ทั้งสองว่า ทางพิพาทซึ่งอยู่ในที่ดินของจำเลยเป็นทางภารจำยอมหรือไม่ข้อเท็จจริงในเบื้องต้นฟังได้ว่า ทางพิพาทมีมานานแล้วโจทก์ทั้งสองและชาวบ้านใช้สัญจรไปมาต่อมาจำเลยทำประตูปิดกั้นทั้งทางทิศตะวันตกและทิศตะวันออก ปัญหาวินิจฉัยว่าจำเลยได้ทำประตูปิดกั้นแสดงการหวงห้ามหรือไม่และตั้งแต่เมื่อใดนั้น ข้อเท็จจริงตามพยานหลักฐานของจำเลยมีน้ำหนักให้เชื่อได้ว่า จำเลยได้ปลูกบ้านและทำประตูรั้วปิดกั้นทางพิพาทมานานประมาณ 20 ปีแล้ว หลังจากนั้นโจทก์ทั้งสองได้ใช้ทางพิพาทโดยอาศัยสิทธิของจำเลยตลอดมา ถึงแม้โจทก์ทั้งสองจะเคยได้ภารจำยอมเหนือทางพิพาทมาก่อนหน้านั้นแล้ว แต่ต่อมาโจทก์ทั้งสองยอมรับสิทธิเหนือทางพิพาทของจำเลย ฐานะของโจทก์ทั้งสองย่อมเปลี่ยนไปเป็นการใช้ทางพิพาทโดยความยินยอมของจำเลย เป็นเวลานานถึง 20 ปี ย่อมถือได้ว่าภารจำยอมระงับสิ้นไปเพราะการไม่ใช้ภารจำยอมเป็นเวลาเกินกว่า 10 ปีแล้ว ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1399 ทางพิพาทซึ่งอยู่ในที่ดินของจำเลย จึงไม่เป็นทางภารจำยอม

พิพากษายืน

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา nan

แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ชื่อคู่ความ โจทก์ - นาย สร้อย ท่องแจ้ง กับพวก จำเลย - นาง อำนวย ปานพรม

ชื่อองค์คณะ ชวลิต ศรีสง่า ไพโรจน์ คำอ่อน วิเทพ ศิริพากย์

ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ที่ตัดสิน nan

ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th
ติดต่อเราทาง LINE