สารบัญ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3892/2540

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3892/2540

ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ม. 89, 90

ภาพถ่ายบริเวณที่เกิดเหตุเป็นพยานวัตถุไม่อยู่ในบังคับประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 90

ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 89 ไม่ใช้บังคับแก่กรณีที่จำเลยอ้างส่งพยานหลักฐานเพื่อการนำสืบตามประเด็นข้อต่อสู้ในคำให้การของจำเลย

เนื้อหาฉบับเต็ม

โจทก์ฟ้องว่า เดิมโจทก์เป็นเจ้าของผู้ครอบครองที่ดินไม่มีหนังสือแสดงกรรมสิทธิ์จำนวน 1 แปลง เนื้อที่ 21 ไร่ 3 งาน 75 ตารางวา โดยครอบครองทำกินในที่ดินร่วมกับบิดาโจทก์ ต่อมาบิดาโจทก์ถึงแก่ความตาย ก่อนตายบิดาโจทก์ได้ยกที่ดินดังกล่าวให้โจทก์ครอบครองทำกินโดยปลูกอ้อยและทำนาตลอดมา เมื่อเดือนเมษายน 2534 จำเลยและบริวารบุกรุกเข้าไปไถที่ดินปลูกสวนป่าในที่ดินของโจทก์ทางด้านทิศตะวันออกเนื้อที่ประมาณ 15 ไร่ 3 งาน 15 ตารางวา โดยไม่มีอำนาจตามกฎหมายอันเป็นการรบกวนสิทธิครอบครองของโจทก์ ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายเดือนละไม่ต่ำกว่า 4,000 บาท ขอให้พิพากษาขับไล่จำเลยให้ขนย้ายทรัพย์สินและบริวารออกจากที่ดินของโจทก์และส่งมอบที่ดินแก่โจทก์ในสภาพเรียบร้อย ห้ามจำเลยและบริวารเข้าเกี่ยวข้องในที่ดินของโจทก์อีกต่อไปกับให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ในอัตราเดือนละ 4,000 บาท นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจำเลยจะขนย้ายทรัพย์สินและบริวารออกไปจากที่ดินของโจทก์และส่งมอบที่ดินแก่โจทก์ในสภาพเรียบร้อย

จำเลยให้การว่า ที่พิพาทเป็นที่ดินไม่มีหนังสือสำคัญแสดงกรรมสิทธิ์ โจทก์มิใช่ผู้ครอบครองหรือเข้าทำประโยชน์ในที่ดินบุคคลผู้มีชื่อได้ซื้อที่ดินดังกล่าวและรับโอนจากพี่น้องของโจทก์แล้ว โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง จำเลยเป็นนิติบุคคลไม่สามารถเข้าครอบครองกรรมสิทธิ์ในที่ดินดังกล่าวได้ และจำเลยไม่เคยจ้างวานใช้หรือกระทำการอย่างใดให้บุคคลหนึ่งบุคคลใดเข้าไปทำประโยชน์ในที่ดินตามฟ้องโจทก์ ขอให้ยกฟ้อง

ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์

โจทก์อุทธรณ์ โดยผู้พิพากษาที่นั่งพิจารณาคดีในศาลชั้นต้นรับรองว่ามีเหตุอันควรอุทธรณ์ได้

ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า "มีปัญหาวินิจฉัยเฉพาะปัญหาข้อกฎหมายข้อแรกว่า พยานหลักฐานหมาย ล.1 ถึง ล.12 ซึ่งจำเลยมิได้ส่งสำเนาแก่โจทก์ก่อนวันสืบพยานโจทก์ซึ่งมีหน้าที่นำสืบก่อน 3 วัน และมิได้นำมาซักค้านพยานโจทก์นั้นรับฟังได้หรือไม่ เห็นว่าพยานหลักฐานหมาย ล.8, ล.9 เป็นภาพถ่ายบริเวณที่เกิดเหตุ จึงเป็นพยานวัตถุไม่อยู่ในบังคับของบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 90(เดิม) ส่วนพยานเอกสารหมาย ล.1 ถึง ล.7 และ ล.10 ถึง ล.12 เป็นพยานหลักฐานอันสำคัญซึ่งเกี่ยวกับประเด็นข้อสำคัญในคดี แม้จะปรากฏว่าจำเลยมิได้ส่งสำเนาแก่โจทก์ก่อนวันสืบพยานโจทก์ 3 วันก็ตามแต่เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมศาลก็ชอบที่จะรับฟังพยานหลักฐานของจำเลยดังกล่าวได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 87(2)ส่วนการที่จำเลยมิได้นำพยานหลักฐานดังกล่าวมาซักค้านพยานโจทก์ไว้นั้น เห็นว่า จำเลยอ้างส่งพยานหลักฐานหมาย ล.1 ถึง ล.12 เพื่อการนำสืบตามประเด็นข้อต่อสู้ในคำให้การของจำเลย จำเลยย่อมมีสิทธินำสืบได้ กรณีไม่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 89 แต่ประการใด ที่ศาลล่างทั้งสองรับฟังพยานหลักฐานดังกล่าวจึงชอบแล้ว ฎีกาของโจทก์ข้อนี้ฟังไม่ขึ้น"

พิพากษายืน

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา nan

แหล่งที่มา เนติบัณฑิตยสภา

ชื่อคู่ความ โจทก์ - นางสาว อุบล โมนะ จำเลย - บริษัท สวนกิตติ จำกัด

ชื่อองค์คณะ วิเทพ ศิริพากย์ ไพโรจน์ คำอ่อน ชวลิต ศรีสง่า

ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ที่ตัดสิน nan

ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th
ติดต่อเราทาง LINE