สารบัญ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3826/2531

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3826/2531

ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ม. 22

แม้หากสถานที่เกิดเหตุจะอยู่ในเขตอำนาจของศาลจังหวัดพัทลุงแต่ตามพฤติการณ์แห่งคดีเป็นกรณีที่โจทก์เชื่อว่าความผิดเกิดขึ้นในเขตอำนาจของศาลจังหวัดสงขลา ศาลจังหวัดสงขลาย่อมมีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีดังกล่าวได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 22 วรรคแรก

เนื้อหาฉบับเต็ม

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 297(8),310, 83, 84 ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว เห็นว่าคดีมีมูลให้ประทับฟ้อง จำเลยทั้งสิบสองให้การปฏิเสธ ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำพิพากษาของศาลชั้นต้นให้ศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษาใหม่ตามรูปคดี จำเลยทั้งสิบสองฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า "ปัญหาในชั้นนี้มีว่า ศาลจังหวัดสงขลามีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีนี้หรือไม่ พิเคราะห์แล้ว ฟ้องโจทก์ระบุว่าเหตุคดีนี้เกิดที่ตำบลบ้านขาว อำเภอระโนด จังหวัดสงขลาศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้วให้ประทับฟ้องโจทก์ไว้พิจารณาในชั้นพิจารณาโจทก์และพยานโจทก์ปากอื่นคือนายจรัส แก้วบัวนายสุชาติ ชูหนู และนายจรัญ สุขฉิม ก็เบิกความยืนยันว่าสถานที่เกิดเหตุคดีนี้คือ ตำบลบ้านขาว อำเภอระโนด จังหวัดสงขลาพยานโจทก์ดังกล่าวทุกคนตั้งบ้านเรือนอยู่ ณ ตำบลที่เกิดเหตุนั้นเองน่าจะทราบดีว่าสถานที่เกิดเหตุอยู่ในท้องที่ใด นอกจากนี้นายเสริม พิชญาภรณ์ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 2 ตำบลบ้านขาว อำเภอระโนดจังหวัดสงขลา พยานโจทก์อีกปากหนึ่งเบิกความได้ชัดว่า บริเวณที่เกิดเหตุอยู่หมู่ 2 ตำบลบ้านขาว อำเภอระโนด จังหวัดสงขลาจึงน่าเชื่อว่าโจทก์ระบุสถานที่เกิดเหตุตามฟ้องถูกต้องแล้วก่อนโจทก์สืบพยานเสร็จ ฝ่ายจำเลยไม่เคยทักท้วงเลยว่าโจทก์ระบุสถานที่เกิดเหตุตามฟ้องผิดพลาดประการใด ในชั้นสืบพยานจำเลยเพียงแต่พยานจำเลยบางคนเบิกความว่า เหตุคดีนี้เกิดที่หมู่ 2 ตำบลทะเลน้อยอำเภอควนขนุน จังหวัดพัทลุง ศาลชั้นต้นก็ปักใจเชื่อว่าเป็นเช่นนั้นจริง แล้วพิพากษายกฟ้อง เพราะเห็นว่าเหตุเกิดในเขตอำนาจของศาลจังหวัดพัทลุง ศาลชั้นต้นคือศาลจังหวัดสงขลาซึ่งเป็นศาลที่โจทก์ฟ้องคดีนี้ไว้ไม่มีอำนาจพิจารณาพิพากษา เช่นนี้คำพิพากษาของศาลชั้นต้นหาชอบไม่ แม้หากสถานที่เกิดเหตุจะอยู่ในเขตอำนาจของศาลจังหวัดพัทลุงจริง ตามพฤติการณ์แห่งคดีนี้ก็เห็นได้อย่างชัดแจ้งว่า เป็นกรณีที่โจทก์เชื่อว่าความผิดเกิดขึ้นในเขตอำนาจของศาลจังหวัดสงขลา ศาลจังหวัดสงขลาจึงมีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีนี้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 22 วรรคแรกศาลอุทธรณ์พิพากษาชอบแล้ว ที่จำเลยฎีกาว่า คำว่า "เชื่อว่า"ตามมาตราดังกล่าวหมายถึงศาลเชื่อไม่ใช่โจทก์เชื่อ เมื่อศาลจังหวัดสงขลาเชื่อว่าเหตุเกิดในเขตอำนาจศาลจังหวัดพัทลุง ศาลจังหวัดสงขลาจึงไม่มีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีนี้นั้น ไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา ฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น"

พิพากษายืน

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา nan

แหล่งที่มา เนติบัณฑิตยสภา

ชื่อคู่ความ โจทก์ - นาย จบ ทิพย์ รอง พล จำเลย - นาย อำนวย เพชร รัตน์ กับพวก

ชื่อองค์คณะ ปิ่นทิพย์ สุจริตกุล สง่า ศิลปประสิทธิ์ ประเสริฐ บุญศรี

ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ที่ตัดสิน nan

ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th
ติดต่อเราทาง LINE