สารบัญ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3766/2565

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3766/2565

พระราชบัญญัติสิทธิบัตร พ.ศ.2522 ม. 65 ฉ วรรคหนึ่ง, 65 ฉ วรรคสอง, 65 ฉ วรรคสี่, 65 ทวิ, 70 (2), 72

คดีนี้เป็นการดำเนินการตาม พ.ร.บ.สิทธิบัตร พ.ศ. 2522 มาตรา 65 ฉ โดยผู้มีส่วนได้เสียขอให้ตรวจสอบว่าการประดิษฐ์ที่ได้รับอนุสิทธิบัตรมีลักษณะตามที่กำหนดไว้ใน พ.ร.บ.สิทธิบัตร พ.ศ. 2522 มาตรา 65 ทวิ หรือไม่ หลังจากมีการยื่นคำขอให้ตรวจสอบการประดิษฐ์ตาม พ.ร.บ.สิทธิบัตร พ.ศ.2522 มาตรา 65 ฉ วรรคหนึ่ง แล้ว พนักงานเจ้าหน้าที่ตรวจสอบการประดิษฐ์และทำรายงานการตรวจสอบเสนอต่ออธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญาตาม พ.ร.บ.สิทธิบัตร พ.ศ. 2522 มาตรา 65 ฉ วรรคสอง เมื่ออธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญาพิจารณารายงานการตรวจสอบดังกล่าวแล้ว เห็นว่าการประดิษฐ์ไม่มีลักษณะตามที่กำหนดใน พ.ร.บ.สิทธิบัตร พ.ศ. 2522 มาตรา 65 ทวิ จึงมีคำสั่งสอบสวนข้อเท็จจริงและแจ้งคำสั่งให้โจทก์ทราบ โดยโจทก์ยื่นคำแถลงแสดงเหตุผลของตนแล้วตาม พ.ร.บ.สิทธิบัตร พ.ศ. 2522 มาตรา 65 ฉ วรรคสี่ ตอนต้น หลังจากสอบสวนข้อเท็จจริงเสร็จ อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญาต้องพิจารณาว่าการประดิษฐ์นั้นมีลักษณะตามที่กำหนดใน พ.ร.บ.สิทธิบัตร พ.ศ. 2522 มาตรา 65 ทวิ หรือไม่ ซึ่งในประเด็นนี้ อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญาวินิจฉัยว่า การประดิษฐ์ตามอนุสิทธิบัตรเลขที่ 5467 มีลักษณะทางเทคนิคแตกต่างไปจากงานที่ปรากฏอยู่แล้วเฉพาะข้อถือสิทธิข้อที่ 10 และกำหนดเงื่อนไขให้โจทก์แก้ไขข้อถือสิทธิใหม่โดยให้ระบุขอบเขตความคุ้มครองให้ชัดเจนเฉพาะข้อถือสิทธิที่แตกต่างดังกล่าวเท่านั้น เห็นได้ว่า คำวินิจฉัยดังกล่าวได้พิจารณาประเด็นเกี่ยวกับความใหม่ของอนุสิทธิบัตรดังกล่าวพร้อมแสดงเหตุผลไว้ครบถ้วนแล้ว แต่ที่อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญายังไม่ได้ทำรายงานการสอบสวนเสนอต่อคณะกรรมการสิทธิบัตรเพื่อเพิกถอนอนุสิทธิบัตรก็เนื่องจากเห็นว่าหากโจทก์ยอมแก้ไขข้อถือสิทธิใหม่โดยระบุขอบเขตความคุ้มครองเฉพาะข้อถือสิทธิข้อที่ 10 แล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องเสนอให้คณะกรรมการสิทธิบัตรเพิกถอนสิทธิบัตร อย่างไรก็ตาม เมื่อโจทก์ไม่เห็นด้วยกับคำวินิจฉัยของอธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา แล้วอุทธรณ์คำวินิจฉัยดังกล่าวต่อคณะกรรมการสิทธิบัตรตาม พ.ร.บ.สิทธิบัตร พ.ศ. 2522 มาตรา 72 โดยในอุทธรณ์ดังกล่าวโจทก์ยังคงโต้แย้งเป็นประเด็นด้วยว่าการประดิษฐ์ตามอนุสิทธิบัตรเลขที่ 5467 เป็นการประดิษฐ์ขึ้นใหม่พร้อมเหตุผลสนับสนุนข้อโต้แย้งดังกล่าว สำนวนการพิจารณาตาม พ.ร.บ.สิทธิบัตร พ.ศ. 2522 มาตรา 25 ฉ ในคดีนี้ จึงเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการสิทธิบัตร ดังนี้ แม้อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญาไม่ได้ทำรายงานการสอบสวนเสนอต่อคณะกรรมการสิทธิบัตรเพื่อเพิกถอนอนุสิทธิบัตร แต่ตามข้อเท็จจริงดังกล่าวย่อมถือได้ว่ามีการดำเนินการไปตาม พ.ร.บ.สิทธิบัตร พ.ศ. 2522 มาตรา 25 ฉ วรรคสี่ แล้ว เมื่อคณะกรรมการสิทธิบัตรมีอำนาจในการพิจารณาสั่งเพิกถอนอนุสิทธิบัตรตาม พ.ร.บ.สิทธิบัตร พ.ศ. 2522 มาตรา 65 ฉ วรรคสี่ ตอนท้าย ทั้งยังมีอำนาจหน้าที่ในการวินิจฉัยอุทธรณ์คำสั่งหรือคำวินิจฉัยของอธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญาเกี่ยวกับอนุสิทธิบัตรตาม พ.ร.บ.สิทธิบัตร พ.ศ. 2522 มาตรา 65 ฉ ตามที่ พ.ร.บ.สิทธิบัตร พ.ศ. 2522 มาตรา 7 (2) บัญญัติ คณะกรรมการสิทธิบัตรซึ่งขณะนั้นมีจำเลยที่ 2 ถึงที่ 11 เป็นกรรมการจึงมีอำนาจวินิจฉัยในประเด็นดังกล่าว และหากพิจารณาแล้วเห็นว่าการประดิษฐ์ตามอนุสิทธิบัตรเลขที่ 5467 ของโจทก์ไม่เป็นการประดิษฐ์ขึ้นใหม่ คณะกรรมการสิทธิบัตรย่อมมีอำนาจสั่งเพิกถอนอนุสิทธิบัตรนั้นได้

ที่โจทก์แก้ฎีกาโต้แย้งทำนองว่า คำวินิจฉัยของอธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญาที่ให้โจทก์แก้ไขอนุสิทธิบัตรตามกรณีปัญหาในคดีนั้นถือว่ายังอยู่ในระหว่างกระบวนการสอบสวนข้อเท็จจริง การที่โจทก์อุทธรณ์คำวินิจฉัยของอธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญาจึงเป็นการให้ถ้อยคำชี้แจง ส่งเอกสาร หรือสิ่งใดเพิ่มเติม ซึ่งถือว่ายังอยู่ในกระบวนการสอบสวนข้อเท็จจริงเท่านั้น จำเลยที่ 2 ถึงที่ 11 ไม่มีอำนาจวินิจฉัยอุทธรณ์ดังกล่าวและไม่มีอำนาจสั่งเพิกถอนอนุสิทธิบัตรของโจทก์ทั้งฉบับ แต่มีหน้าที่เพียงรวบรวมหนังสือและข้อชี้แจงดังกล่าว และทำความเห็นเสนอต่ออธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญาเพื่อพิจารณาสั่งประเด็นตามอุทธรณ์ของโจทก์ หากคณะกรรมการสิทธิบัตรมีอำนาจสั่งเพิกถอนสิทธิบัตรได้โดยอธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญายังไม่ได้ทำรายงานการสอบสวนเสนอต่อคณะกรรมการสิทธิบัตรย่อมเป็นการก้าวล่วงอำนาจของอธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญานั้น เห็นว่า เมื่อคดีมีการเริ่มดำเนินกระบวนการตาม พ.ร.บ.สิทธิบัตร พ.ศ. 2522 มาตรา 65 ฉ มาตั้งแต่ต้นจนกระทั่งสอบสวนข้อเท็จจริงเสร็จ โดยอธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญาพิจารณาแสดงเหตุผลในประเด็นเกี่ยวกับความใหม่ของการประดิษฐ์ตามอนุสิทธิบัตรดังกล่าวไว้ในคำวินิจฉัยแล้ว การพิจารณาต่อมาของคณะกรรมการสิทธิบัตรจึงมิใช่เป็นการก้าวล่วงอำนาจของอธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา

ข้อถือสิทธิข้อที่ 1 ตามอนุสิทธิบัตรพิพาทเลขที่ 5467 มีรายละเอียดการประดิษฐ์ไม่แตกต่างไปจากอนุสิทธิบัตรเลขที่ 5116 ส่วนข้อถือสิทธิข้อที่ 2 ถึงที่ 9 ตามอนุสิทธิบัตรพิพาทเลขที่ 5467 นั้น ก็ล้วนเป็นการอ้างถึงลักษณะทางเทคนิคอันเป็นลักษณะพิเศษหรือรายละเอียดปลีกย่อยเพิ่มเติมจากข้อถือสิทธิข้อที่ 1 เว้นแต่ข้อที่ 9 ซึ่งเพิ่มเติมจากข้อถือสิทธิข้อที่ 8 อีกต่อหนึ่ง ซึ่งเมื่อพิจารณาแล้วเห็นได้ว่ามีรายละเอียดการประดิษฐ์ไม่แตกต่างไปจากอนุสิทธิบัตรเลขที่ 5116 เช่นกัน ดังนี้ ข้อถือสิทธิข้อที่ 1 ถึงที่ 9 ของอนุสิทธิบัตรเลขที่ 5467 จึงเป็นการประดิษฐ์ที่ได้มีการเปิดเผยสาระสำคัญหรือรายละเอียดไว้ในอนุสิทธิบัตรเลขที่ 5116 อันเป็นงานที่ปรากฏอยู่ก่อนแล้ว สำหรับข้อถือสิทธิข้อที่ 10 ของอนุสิทธิบัตรพิพาทเลขที่ 5467 ซึ่งมีครีบยื่น (8) มีลักษณะเป็นครีบเฉียงนั้น แม้จะไม่ปรากฏว่ามีลักษณะตรงกับอนุสิทธิบัตรเลขที่ 5116 ก็ตาม แต่ก็ถือเป็นความแตกต่างเพียงเล็กน้อย ไม่ได้ส่งผลต่อองค์ประกอบสำคัญของการประดิษฐ์ ไม่ทำให้การทำงานต่างไปจากเดิม เมื่อพิจารณาข้อถือสิทธิทั้งหมดโดยรวมแล้วเห็นว่า การประดิษฐ์ตามอนุสิทธิบัตรเลขที่ 5467 ไม่แตกต่างไปจากงานที่ปรากฏอยู่แล้วเดิม นอกจากนี้การเปลี่ยนแปลงจากเดิมที่ชิ้นส่วนตัวจุกและชิ้นส่วนช่องไหลอาจถอดแยกออกจากกันได้โดยปรับปรุงให้ชิ้นส่วนตัวจุกและชิ้นส่วนช่องไหลกลายเป็นชิ้นส่วนเดียวกันนั้น ก็เป็นการเปลี่ยนแปลงปรับปรุงเพียงเล็กน้อยโดยไม่ทำให้ลักษณะการทำงานเปลี่ยนไปจากเดิม การประดิษฐ์ตามอนุสิทธิบัตรเลขที่ 5467 ทั้งฉบับจึงไม่เป็นการประดิษฐ์ขึ้นใหม่ การที่จำเลยที่ 2 ถึงที่ 11 ในฐานะคณะกรรมการสิทธิบัตรเห็นว่าอนุสิทธิบัตรเลขที่ 5467 มีข้อถือสิทธิส่วนใหญ่ไม่แตกต่างจากงานที่ปรากฏอยู่แล้ว ถือว่าไม่เป็นการประดิษฐ์ขึ้นใหม่และมีคำสั่งให้เพิกถอนอนุสิทธิบัตรดังกล่าวจึงชอบแล้ว

เนื้อหาฉบับเต็ม

โจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนคำสั่งของจำเลยที่ 2 ถึงที่ 11 ที่มีคำสั่งเพิกถอนอนุสิทธิบัตรเลขที่ 5467 ของโจทก์ และให้คงอนุสิทธิบัตรเลขที่ 5467 ของโจทก์ โดยมีข้อถือสิทธิครบทั้งสิบข้อไว้ตามเดิม

จำเลยทั้งสิบเอ็ดให้การขอให้ยกฟ้อง

ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางพิพากษายกฟ้อง ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษพิพากษาแก้เป็นว่า ให้เพิกถอนคำสั่งคณะกรรมการสิทธิบัตรที่ 4/2560 ของจำเลยที่ 2 ถึงที่ 11 เฉพาะส่วนที่เกี่ยวกับข้อถือสิทธิข้อที่ 10 ตามอนุสิทธิบัตรเลขที่ 5467 และในส่วนที่จำเลยที่ 2 ถึงที่ 11 มีคำสั่งให้เพิกถอนอนุสิทธิบัตรเลขที่ 5467 ทั้งฉบับ แล้วให้จำเลยที่ 1 ดำเนินการเกี่ยวกับอนุสิทธิบัตรเลขที่ 5467 ตามกฎหมายต่อไป นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ

จำเลยทั้งสิบเอ็ดฎีกา โดยได้รับอนุญาตจากศาลฎีกา

ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงที่คู่ความไม่โต้แย้งกันในชั้นฎีการับฟังได้เป็นยุติว่า โจทก์เป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัด จำเลยที่ 1 เป็นนิติบุคคลประเภทส่วนราชการสังกัดกระทรวงพาณิชย์ มีอำนาจหน้าที่ดำเนินการเกี่ยวกับการจดทะเบียนตามกฎหมายว่าด้วยสิทธิบัตรและกฎหมายทรัพย์สินทางปัญญาอื่นที่เกี่ยวข้อง จำเลยที่ 2 เป็นปลัดกระทรวงพาณิชย์และโดยตำแหน่งดังกล่าวเป็นประธานคณะกรรมการสิทธิบัตร จำเลยที่ 3 ถึงที่ 11 เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสิทธิบัตร วันที่ 4 มิถุนายน 2551 มีการรับจดทะเบียนสิทธิบัตรของสาธารณรัฐประชาชนจีน เลขที่ "CN 201068257Y" มีชื่อที่แสดงถึงการประดิษฐ์ว่า "Aluminum and Plastic Combined Anti-theft Bottle Cap" วันที่ 16 ตุลาคม 2552 มีการออกและประกาศโฆษณาอนุสิทธิบัตร เลขที่ 5116 มีชื่อที่แสดงถึงการประดิษฐ์ว่า ฝาปิดที่มีกลไกป้องกันการบรรจุซ้ำของเหลวสำหรับขวดบรรจุ วันที่ 29 มีนาคม 2553 นายบุญยิ่ง ยื่นคำขอรับอนุสิทธิบัตร ชื่อที่แสดงถึงการประดิษฐ์ "กลไกป้องกันการบรรจุซ้ำของเหลวแบบมีช่องไหลในตัว" พนักงานเจ้าหน้าที่ของจำเลยที่ 1 ตรวจสอบแล้วเห็นควรให้รับจดทะเบียนการประดิษฐ์และออกอนุสิทธิบัตร วันที่ 22 มิถุนายน 2553 มีการประกาศโฆษณาและออกอนุสิทธิบัตรให้ อนุสิทธิบัตรดังกล่าวมีข้อถือสิทธิดังต่อไปนี้ ข้อที่ 1 ฝาปิดที่มีกลไกป้องกันการบรรจุซ้ำของเหลวสำหรับขวดบรรจุมีลักษณะประกอบด้วย ชิ้นส่วนตัวจุกเป็นชิ้นหลักที่ใช้ประกอบชุดกลไกนี้โดยกลางผิวภายนอกมีครีบวงแหวนจำนวนหนึ่งเป็นระยะสำหรับยึดกับผิวด้านในของคอขวดและตรงกลางภายในจุกเป็นช่องไหลผ่านของของเหลวจากปลายด้านล่างออกสู่ปลายด้านบน ชิ้นส่วนตัววาล์ว (4) ที่เคลื่อนที่ได้ประกอบอยู่ภายในชิ้นส่วนตัวจุก (1) ปิดขวางช่องเปิดปลายด้านล่างของชิ้นส่วนตัวจุก (1) ที่เชื่อมต่อกับภายในขวดขณะขวดตั้งขึ้น ชิ้นส่วนปะเก็น (5) ที่มีลักษณะเป็นแป้นกลมมีช่องเปิดและลักษณะสอดคล้องกับลักษณะด้านบนของส่วนช่องไหล (3) สำหรับเป็นส่วนกั้นไม่ให้ของเหลวรั่วออกจากขวดทางชิ้นส่วนช่องไหลเมื่อเวลาที่เอียงขวดแต่ยังไม่ได้เปิดฝาปิดออก โดยบนชิ้นส่วนปะเก็น (5) มีส่วนขอบต่อยื่นออกมาจากแป้นกลมสำหรับสอดรัดกับผิวด้านในส่วนบนของส่วนช่องไหล (3) และขอบของชิ้นส่วนปะเก็น (5) ยังเป็นส่วนช่วยยึดชุดกลไกป้องกันการบรรจุซ้ำของเหลวให้อยู่กับฝาปิดก่อนนำไปใช้งาน มีลักษณะพิเศษคือ บริเวณภายในส่วนบนชิ้นส่วนตัวจุกมีส่วนช่องไหลขึ้นรูปเป็นส่วนเดียวกันกับตัวจุกในตำแหน่งเหนือชิ้นส่วนตัววาล์วสำหรับเป็นส่วนกั้นด้านบนชิ้นส่วนตัววาล์วอยู่ภายในชิ้นส่วนตัวจุกและมีช่องไหลผ่านจำนวนหนึ่งเพื่อทำหน้าที่เป็นช่องไหลผ่านของของเหลวออก ข้อที่ 2 ฝาปิดที่มีกลไกป้องกันการบรรจุซ้ำของเหลวตามข้อ 1 ซึ่งบริเวณกึ่งกลางชิ้นส่วนช่องไหลลงด้านล่างเป็นระนาบเว้าหรือช่องรับแกนวาล์ว ข้อที่ 3 ฝาปิดที่มีกลไกป้องกันการบรรจุซ้ำของเหลวตามข้อ 1 ซึ่งส่วนช่องเปิดปลายด้านล่างของชิ้นส่วนตัวจุก (1) มีลักษณะขอบช่องเปิดเป็นระนาบเว้าหรือโค้งรับกับลักษณะระนาบผิวของชิ้นส่วนตัววาล์ว (4) ข้อที่ 4 ฝาปิดที่มีกลไกป้องกันการบรรจุซ้ำของเหลวตามข้อ 1 ซึ่งชิ้นส่วนตัววาล์ว (4) มีลักษณะเป็นลูกแก้วหรือพลาสติกขึ้นรูปที่มีสัณฐานเป็นทรงกลม หรือโลหะสแตนเลสที่มีสัณฐานทรงกลม ข้อที่ 5 ฝาปิดที่มีกลไกป้องกันการบรรจุซ้ำของเหลวตามข้อ 1 ซึ่งส่วนหนึ่งของตัวจุกมีครีบ (7) จำนวนหนึ่งสำหรับเสริมความแข็งแรงของชิ้นส่วนช่องไหล (3) ข้อที่ 6 ฝาปิดที่มีกลไกป้องกันการบรรจุซ้ำของเหลวตามข้อ 1 ซึ่งชิ้นส่วนตัววาล์วมีสัณฐานเป็นทรงรีที่มีแกนต่อยื่นด้านบนสำหรับประกอบเข้าช่องแกนวาล์ว ข้อที่ 7 ฝาปิดที่มีกลไกป้องกันการบรรจุซ้ำของเหลวตามข้อ 1 ซึ่งชิ้นส่วนตัววาล์วเป็นแป้นที่มีแกนต่อยื่นขึ้นด้านบนมีสันเป็นแฉกจำนวนหนึ่งเสริมความแข็งแรงด้านบนแป้น ข้อที่ 8 ฝาปิดที่มีกลไกป้องกันการบรรจุซ้ำของเหลวตามข้อ 1 ซึ่งบนชิ้นส่วนปะเก็น (5) บริเวณแนวร่องสัมผัสกับขอบปากขวดด้านบนมีครีบยื่น (8) หรือสันนูน (9) สำหรับรับแรงกดจากการปิดผนึกขวดในกระบวนการบรรจุ ข้อที่ 9 ฝาปิดที่มีกลไกป้องกันการบรรจุซ้ำของเหลวตามข้อ 8 ซึ่งสันนูน (9) มีลักษณะเป็นสันนูนต่ำ ข้อที่ 10 ฝาปิดที่มีกลไกป้องกันการบรรจุซ้ำของเหลวตามข้อ 8 ซึ่งครีบยื่น (8) มีลักษณะเป็นครีบเฉียง วันที่ 29 พฤศจิกายน 2553 และวันที่ 22 มิถุนายน 2554 บริษัท ฝ. และบริษัท ส. ต่างยื่นคำขอให้ตรวจสอบการประดิษฐ์ อ้างในทำนองเดียวกันว่าได้รับความเสียหายจากการรับจดทะเบียน และการประดิษฐ์ตามอนุสิทธิบัตรเลขที่ 5467 มิใช่การประดิษฐ์ขึ้นใหม่ วันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2556 นายบุญยิ่งโอนอนุสิทธิบัตรเลขที่ 5467 ให้แก่บริษัท ท. วันที่ 1 มิถุนายน 2558 บริษัท ท. โอนอนุสิทธิบัตรดังกล่าวให้แก่โจทก์โดยยื่นขอจดทะเบียนเมื่อวันที่ 11 มิถุนายน 2558 วันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2559 พนักงานเจ้าหน้าที่ของจำเลยที่ 1 ตรวจสอบการประดิษฐ์ตามอนุสิทธิบัตรดังกล่าวแล้ว เห็นว่า ผู้ขอให้ตรวจสอบการประดิษฐ์ทั้งสองรายต่างเป็นผู้มีส่วนได้เสีย และการประดิษฐ์ตามอนุสิทธิบัตรดังกล่าวไม่เป็นการประดิษฐ์ขึ้นใหม่ เห็นควรสั่งสอบสวนข้อเท็จจริง ซึ่งต่อมาอธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญาโดยผู้อำนวยการกองสิทธิบัตรซึ่งปฏิบัติราชการแทนมีคำสั่งให้สอบสวนข้อเท็จจริง โจทก์ได้รับแจ้งคำสั่งดังกล่าวแล้วไม่เห็นด้วยกับผลการตรวจสอบ วันที่ 18 พฤษภาคม 2559 โจทก์ยื่นคำแถลงแสดงเหตุผลการตรวจสอบการประดิษฐ์ตามอนุสิทธิบัตรดังกล่าว วันที่ 17 พฤศจิกายน 2559 พนักงานเจ้าหน้าที่ของจำเลยที่ 1 สอบสวนอนุสิทธิบัตรดังกล่าวแล้ว เห็นว่า ผู้ขอให้ตรวจสอบการประดิษฐ์ทั้งสองรายต่างเป็นผู้มีส่วนได้เสีย และการประดิษฐ์ตามอนุสิทธิบัตรดังกล่าวมีลักษณะเป็นการประดิษฐ์ขึ้นใหม่ และมีลักษณะตามที่กำหนดในพระราชบัญญัติสิทธิบัตร พ.ศ. 2522 มาตรา 65 ทวิ วันเดียวกัน อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญาโดยผู้อำนวยการกองสิทธิบัตรซึ่งปฏิบัติราชการแทนวินิจฉัยว่า ผู้ขอให้ตรวจสอบการประดิษฐ์ทั้งสองรายต่างเป็นผู้มีส่วนได้เสีย ข้อถือสิทธิตามอนุสิทธิบัตรดังกล่าวข้อที่ 1 ถึงที่ 9 เป็นการประดิษฐ์ที่มีลักษณะทางเทคนิคไม่แตกต่างจากงานที่ปรากฏอยู่แล้ว คือ อนุสิทธิบัตรเลขที่ 5116 หรือสิทธิบัตรของสาธารณรัฐประชาชนจีน เลขที่ "CN 201068257Y" ส่วนข้อที่ 10 เป็นการประดิษฐ์ที่มีลักษณะทางเทคนิคแตกต่างไปจากงานที่ปรากฏอยู่แล้ว จึงกำหนดเงื่อนไขให้โจทก์แก้ไขข้อถือสิทธิใหม่ โดยให้ระบุขอบเขตความคุ้มครองให้ชัดเจนเฉพาะข้อถือสิทธิข้อที่แตกต่างเท่านั้น คือ เฉพาะข้อถือสิทธิข้อที่ 10 และให้โจทก์นำหนังสือสำคัญอนุสิทธิบัตรเลขที่ 5467 มาคืน และให้พนักงานเจ้าหน้าที่จัดทำหนังสือสำคัญใหม่ที่มีข้อถือสิทธิที่แก้ไขขอบเขตให้ถูกต้องแล้วโดยใช้เลขที่หนังสือสำคัญเดิม วันที่ 25 มกราคม 2560 โจทก์อุทธรณ์คำวินิจฉัยดังกล่าวต่อคณะกรรมการสิทธิบัตรว่าเป็นคำวินิจฉัยที่ออกไม่ถูกต้องตามหลักพระราชบัญญัติสิทธิบัตร พ.ศ. 2522 และการประดิษฐ์ตามอนุสิทธิบัตรของโจทก์เป็นการประดิษฐ์ขึ้นใหม่ คณะกรรมการสิทธิบัตรแต่งตั้งคณะอนุกรรมการสิทธิบัตรสาขาวิศวกรรมเครื่องกลเพื่อให้พิจารณาและเสนอความเห็นเกี่ยวกับการอุทธรณ์คำวินิจฉัยของอธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา วันที่ 5 กรกฎาคม 2560 คณะอนุกรรมการสิทธิบัตรสาขาวิศวกรรมเครื่องกลมีมติเป็นเอกฉันท์ยืนตามคำสั่งของอธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา วันที่ 23 สิงหาคม 2560 จำเลยที่ 2 ถึงที่ 11 ในฐานะคณะกรรมการสิทธิบัตรพิจารณาแล้วเห็นว่า สำหรับประเด็นการเป็นผู้มีส่วนได้เสียนั้น ผู้ขอให้ตรวจสอบการประดิษฐ์ทั้งสองราย คือ บริษัท ฝ. ประกอบธุรกิจเกี่ยวกับบรรจุภัณฑ์ฝาปิดผนึก และบริษัท ส. ประกอบธุรกิจเกี่ยวกับการผลิตและจำหน่ายสุราโดยใช้วิธีการสั่งซื้อฝาขวดจากผู้ผลิตและผู้จัดหาวัตุดิบภายนอกเพื่อใช้เป็นส่วนหนึ่งของบรรจุภัณฑ์สำหรับผลิตสุรา โดยยื่นคำขอให้ตรวจสอบการประดิษฐ์ภายในระยะเวลา 1 ปี นับจากวันที่ประกาศโฆษณา ผู้ขอให้ตรวจสอบการประดิษฐ์ทั้งสองรายจึงเป็นผู้มีส่วนได้เสียตามพระราชบัญญัติสิทธิบัตร พ.ศ. 2522 มาตรา 65 ฉ ส่วนประเด็นเรื่องการประดิษฐ์ขึ้นใหม่นั้น เมื่อเปรียบเทียบกับงานที่ปรากฏอยู่แล้ว ได้แก่ อนุสิทธิบัตรเลขที่ 5116 หรือสิทธิบัตรของสาธารณรัฐประชาชนจีน เลขที่ "CN 201068257Y" กับข้อถือสิทธิตามอนุสิทธิบัตรของโจทก์เป็นรายข้อแล้วพบว่า ข้อถือสิทธิข้อที่ 1 ถึงที่ 9 มีรายละเอียดการประดิษฐ์ที่ไม่แตกต่างกับงานที่ปรากฏอยู่แล้ว กล่าวคือ การประดิษฐ์ตามอนุสิทธิบัตรของโจทก์ที่มีชิ้นส่วนตัวจุก (1) ชิ้นส่วนตัววาล์ว (4) ชิ้นส่วนช่องไหล (3) ชิ้นส่วนปะเก็น (5) ที่มีลักษณะเป็นแป้นกลมมีช่องเปิดและลักษณะสอดคล้องกับลักษณะด้านบนของส่วนช่องไหล (3) สำหรับเป็นส่วนกั้นไม่ให้ของเหลวรั่วออกจากขวดทางชิ้นส่วนช่องไหลเมื่อเวลาที่เอียงขวดแต่ยังไม่เปิดฝาออก โดยบนชิ้นส่วนปะเก็น (5) มีส่วนขอบต่อยื่นออกมาจากแป้นกลมสำหรับสอดรัดกับผิวด้านในส่วนบนของส่วนช่องไหล (3) และขอบของชิ้นส่วนปะเก็น (5) ยังเป็นส่วนช่วยยึดชุดกลไกป้องกันการบรรจุซ้ำของเหลวให้อยู่กับฝาปิดก่อนนำไปใช้งาน โดยมีลักษณะเฉพาะ คือ บริเวณภายในส่วนบนชิ้นส่วนตัวจุกมีส่วนช่องไหลขึ้นรูปเป็นส่วนเดียวกันกับตัวจุกในตำแหน่งเหนือชิ้นส่วนตัววาล์ว ดังนั้น ข้อถือสิทธิข้อที่ 1 ถึงที่ 9 ของอนุสิทธิบัตรเลขที่ 5467 ไม่เป็นการประดิษฐ์ขึ้นใหม่ตามพระราชบัญญัติสิทธิบัตร พ.ศ. 2522 มาตรา 65 ทวิ (1) ประกอบมาตรา 6 (2) ส่วนข้อถือสิทธิข้อที่ 10 นั้น ได้ระบุถึงชิ้นส่วนปะเก็น (5) บริเวณแนวร่องสัมผัสกับขอบปากขวดด้านบนมีครีบยื่น (8) มีลักษณะเป็นครีบเฉียง ซึ่งลักษณะดังกล่าวไม่มีการเปิดเผยไว้ในงานที่ปรากฏอยู่แล้ว เมื่ออนุสิทธิบัตรเลขที่ 5467 มีข้อถือสิทธิส่วนใหญ่ไม่แตกต่างจากงานที่ปรากฏอยู่แล้ว จึงถือว่าไม่เป็นการประดิษฐ์ขึ้นใหม่ตามพระราชบัญญัติสิทธิบัตร พ.ศ. 2522 มาตรา 65 ทวิ (1), 65 ฉ ประกอบมาตรา 6 (2) คณะกรรมการสิทธิบัตรจึงมีมติเป็นเอกฉันท์ให้เพิกถอนอนุสิทธิบัตรเลขที่ 5467 วันที่ 19 ตุลาคม 2560 จำเลยที่ 1 มีหนังสือแจ้งคำสั่งดังกล่าวของคณะกรรมการสิทธิบัตรให้โจทก์ทราบ

คดีมีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยทั้งสิบเอ็ดข้อแรกว่า จำเลยที่ 2 ถึงที่ 11 ซึ่งเป็นกรรมการในคณะกรรมการสิทธิบัตรมีอำนาจวินิจฉัยว่าการประดิษฐ์ตามอนุสิทธิบัตรเลขที่ 5467 ของโจทก์เป็นการประดิษฐ์ขึ้นใหม่หรือไม่ เห็นว่า คดีนี้เป็นการดำเนินการตามพระราชบัญญัติสิทธิบัตร พ.ศ. 2522 มาตรา 65 ฉ โดยบุคคลผู้มีส่วนได้เสียขอให้ตรวจสอบว่าการประดิษฐ์ที่ได้รับอนุสิทธิบัตรมีลักษณะตามที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัติสิทธิบัตร พ.ศ. 2522 มาตรา 65 ทวิ หรือไม่ หลังจากมีการยื่นคำขอให้ตรวจสอบการประดิษฐ์ตามพระราชบัญญัติสิทธิบัตร พ.ศ. 2522 มาตรา 65 ฉ วรรคหนึ่ง แล้ว พนักงานเจ้าหน้าที่ตรวจสอบการประดิษฐ์และทำรายงานการตรวจสอบเสนอต่ออธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญาตามพระราชบัญญัติสิทธิบัตร พ.ศ. 2522 มาตรา 65 ฉ วรรคสอง เมื่ออธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญาพิจารณารายงานการตรวจสอบดังกล่าวแล้วเห็นว่าการประดิษฐ์ไม่มีลักษณะตามที่กำหนดในพระราชบัญญัติสิทธิบัตร พ.ศ. 2522 มาตรา 65 ทวิ จึงมีคำสั่งให้สอบสวนข้อเท็จจริงและแจ้งคำสั่งให้โจทก์ทราบ โดยโจทก์ยื่นคำแถลงแสดงเหตุผลของตนแล้วตามพระราชบัญญัติสิทธิบัตร พ.ศ. 2522 มาตรา 65 ฉ วรรคสี่ ตอนต้น หลังจากสอบสวนข้อเท็จจริงเสร็จ อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญาต้องพิจารณาว่าการประดิษฐ์นั้นมีลักษณะตามที่กำหนดในพระราชบัญญัติสิทธิบัตร พ.ศ. 2522 มาตรา 65 ทวิ หรือไม่ ซึ่งในประเด็นนี้อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญาวินิจฉัยว่า การประดิษฐ์ตามอนุสิทธิบัตรเลขที่ 5467 มีลักษณะทางเทคนิคแตกต่างไปจากงานที่ปรากฏอยู่แล้วเฉพาะข้อถือสิทธิข้อที่ 10 และกำหนดเงื่อนไขให้โจทก์แก้ไขข้อถือสิทธิใหม่โดยให้ระบุขอบเขตความคุ้มครองให้ชัดเจนเฉพาะข้อถือสิทธิที่แตกต่างดังกล่าวเท่านั้น เห็นได้ว่า คำวินิจฉัยดังกล่าวได้พิจารณาประเด็นเกี่ยวกับความใหม่ของอนุสิทธิบัตรดังกล่าวพร้อมแสดงเหตุผลไว้ครบถ้วนแล้ว แต่ที่อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญายังไม่ได้ทำรายงานการสอบสวนเสนอต่อคณะกรรมการสิทธิบัตรเพื่อเพิกถอนอนุสิทธิบัตรก็เนื่องจากเห็นว่าหากโจทก์ยอมแก้ไขข้อถือสิทธิใหม่โดยระบุขอบเขตความคุ้มครองเฉพาะข้อถือสิทธิข้อที่ 10 แล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องเสนอให้คณะกรรมการสิทธิบัตรเพิกถอนสิทธิบัตร อย่างไรก็ตาม เมื่อโจทก์ไม่เห็นด้วยกับคำวินิจฉัยของอธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญาแล้วอุทธรณ์คำวินิจฉัยดังกล่าวต่อคณะกรรมการสิทธิบัตรตามพระราชบัญญัติสิทธิบัตร พ.ศ. 2522 มาตรา 72 โดยในอุทธรณ์ดังกล่าวโจทก์ยังคงโต้แย้งเป็นประเด็นด้วยว่าการประดิษฐ์ตามอนุสิทธิบัตรเลขที่ 5467 เป็นการประดิษฐ์ขึ้นใหม่พร้อมเหตุผลสนับสนุนข้อโต้แย้งดังกล่าว สำนวนการพิจารณาตามพระราชบัญญัติสิทธิบัตร พ.ศ. 2522 มาตรา 65 ฉ ในคดีนี้จึงเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการสิทธิบัตร ดังนี้ แม้อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญาไม่ได้ทำรายงานการสอบสวนเสนอต่อคณะกรรมการสิทธิบัตรเพื่อเพิกถอนอนุสิทธิบัตร แต่ตามข้อเท็จจริงดังกล่าวย่อมถือได้ว่ามีการดำเนินการไปตามพระราชบัญญัติสิทธิบัตร พ.ศ. 2522 มาตรา 65 ฉ วรรคสี่ แล้ว เมื่อคณะกรรมการสิทธิบัตรมีอำนาจในการพิจารณาสั่งเพิกถอนอนุสิทธิบัตรตามพระราชบัญญัติสิทธิบัตร พ.ศ. 2522 มาตรา 65 ฉ วรรคสี่ ตอนท้าย ทั้งยังมีอำนาจหน้าที่ในการวินิจฉัยอุทธรณ์คำสั่งหรือคำวินิจฉัยของอธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญาเกี่ยวกับอนุสิทธิบัตรตามพระราชบัญญัติสิทธิบัตร พ.ศ. 2522 มาตรา 65 ฉ ตามที่พระราชบัญญัติสิทธิบัตร พ.ศ. 2522 มาตรา 70 (2) บัญญัติ คณะกรรมการสิทธิบัตรซึ่งขณะนั้นมีจำเลยที่ 2 ถึงที่ 11 เป็นกรรมการจึงมีอำนาจวินิจฉัยในประเด็นดังกล่าว และหากพิจารณาแล้วเห็นว่าการประดิษฐ์ตามอนุสิทธิบัตรเลขที่ 5467 ของโจทก์ไม่เป็นการประดิษฐ์ขึ้นใหม่ คณะกรรมการสิทธิบัตรย่อมมีอำนาจสั่งเพิกถอนอนุสิทธิบัตรนั้นได้ ส่วนที่โจทก์แก้ฎีกาโต้แย้งทำนองว่า คำวินิจฉัยของอธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญาที่ให้โจทก์แก้ไขอนุสิทธิบัตรตามกรณีปัญหาในคดีนั้นถือว่ายังอยู่ในระหว่างกระบวนการสอบสวนข้อเท็จจริง การที่โจทก์อุทธรณ์คำวินิจฉัยของอธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญาจึงเป็นการให้ถ้อยคำชี้แจง ส่งเอกสารหรือสิ่งใดเพิ่มเติมซึ่งถือว่ายังอยู่ในกระบวนการสอบสวนข้อเท็จจริงเท่านั้น จำเลยที่ 2 ถึงที่ 11 ไม่มีอำนาจวินิจฉัยอุทธรณ์ดังกล่าวและไม่มีอำนาจสั่งเพิกถอนอนุสิทธิบัตรของโจทก์ทั้งฉบับ แต่มีหน้าที่เพียงรวบรวมหนังสือและข้อชี้แจงดังกล่าว และทำความเห็นเสนอต่ออธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญาเพื่อพิจารณาสั่งประเด็นตามอุทธรณ์ของโจทก์ หากคณะกรรมการสิทธิบัตรมีอำนาจสั่งเพิกถอนสิทธิบัตรได้โดยอธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญายังไม่ได้ทำรายงานการสอบสวนเสนอต่อคณะกรรมการสิทธิบัตรย่อมเป็นการก้าวล่วงอำนาจของอธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญานั้น เห็นว่า คดีนี้หลังจากอธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญามีคำสั่งให้สอบสวนข้อเท็จจริงตามพระราชบัญญัติสิทธิบัตร พ.ศ. 2522 มาตรา 65 ฉ วรรคสี่ ก็มีการแจ้งคำสั่งให้โจทก์ซึ่งเป็นผู้ทรงอนุสิทธิบัตรทราบโดยโจทก์ได้ยื่นคำแถลงแสดงเหตุผลของตนแล้ว และไม่ปรากฏว่าอธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญาได้เรียกให้บุคคลใดมาให้ถ้อยคำชี้แจง ให้ส่งเอกสารหรือสิ่งใดเพิ่มเติมอีก ทั้งคำวินิจฉัยของอธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญาก็ได้พิจารณาประเด็นเกี่ยวกับความใหม่ของอนุสิทธิบัตรดังกล่าวพร้อมแสดงเหตุผลไว้ครบถ้วนแล้ว การสอบสวนข้อเท็จจริงตามพระราชบัญญัติสิทธิบัตร พ.ศ. 2522 มาตรา 65 ฉ วรรคสี่ จึงเสร็จสิ้นแล้ว การที่โจทก์อุทธรณ์คำวินิจฉัยของอธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญาย่อมมิใช่เป็นการให้ถ้อยคำชี้แจง ส่งเอกสารหรือสิ่งใดเพิ่มเติมดังที่โจทก์กล่าวอ้าง เมื่อคดีมีการเริ่มดำเนินกระบวนการตามพระราชบัญญัติสิทธิบัตร พ.ศ. 2522 มาตรา 65 ฉ มาตั้งแต่ต้นจนกระทั่งสอบสวนข้อเท็จจริงเสร็จ โดยอธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญาพิจารณาแสดงเหตุผลในประเด็นเกี่ยวกับความใหม่ของการประดิษฐ์ตามอนุสิทธิบัตรดังกล่าวไว้ในคำวินิจฉัยแล้ว การพิจารณาต่อมาของคณะกรรมการสิทธิบัตรจึงมิใช่เป็นการก้าวล่วงอำนาจของอธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญาดังที่โจทก์อ้างในคำแก้ฎีกาเช่นกัน ที่ศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษวินิจฉัยทำนองว่าคณะกรรมการสิทธิบัตรยังไม่มีอำนาจให้เพิกถอนอนุสิทธิบัตรของโจทก์ในชั้นดังกล่าวได้นั้น ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยทั้งสิบเอ็ดข้อนี้ฟังขึ้น

มีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยทั้งสิบเอ็ดข้อต่อไปว่า การประดิษฐ์ตามอนุสิทธิบัตรเลขที่ 5467 เป็นการประดิษฐ์ขึ้นใหม่หรือไม่ ประเด็นดังกล่าวศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษยังมิได้วินิจฉัย แต่ในชั้นสืบพยานคู่ความทั้งสองฝ่ายต่างนำพยานหลักฐานเข้านำสืบจนเสร็จสิ้นแล้ว เพื่อมิให้คดีต้องล่าช้า ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศเห็นสมควรวินิจฉัยปัญหาข้อนี้ไปโดยไม่ต้องย้อนสำนวนกลับไปให้ศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษพิจารณาในประเด็นนี้ใหม่ สำหรับประเด็นนี้เห็นว่า เมื่อพิจารณาอนุสิทธิบัตรเลขที่ 5467 แล้ว การประดิษฐ์ตามอนุสิทธิบัตรดังกล่าวประกอบด้วย 4 ชิ้นส่วนสำคัญ ได้แก่ ชิ้นส่วนตัวจุก (1) ซึ่งเป็นชิ้นส่วนหลักที่ใช้ประกอบกลไกชุดนี้ โดยส่วนกลางภายในเป็นช่องไหลผ่านของของเหลวจากปลายด้านล่างออกสู่ปลายด้านบนที่ประกอบยึดอยู่กับภายในคอขวด บนผนังส่วนนอกของชิ้นส่วนตัวจุก (1) โดยรอบมีครีบหรือแถบวงแหวนจำนวนหนึ่งต่อยื่นเป็นระยะสำหรับเป็นแถบผนึกยึดกับผนังด้านในของคอขวด, ส่วนช่องไหล (3) ที่ขึ้นรูปเป็นชิ้นส่วนเดียวกับตัวจุกโดยส่วนช่องไหล (3) มีช่องไหลผ่านของของเหลวออกจำนวนหนึ่งประกอบอยู่ภายในชิ้นส่วนตัวจุก (1) ในตำแหน่งเหนือชิ้นส่วนตัววาล์ว (4) สำหรับเป็นส่วนกั้นด้านบนชิ้นส่วนตัววาล์ว (4), ชิ้นส่วนตัววาล์ว (4) ขึ้นรูปมีลักษณะที่สามารถเคลื่อนที่ได้เมื่อประกอบอยู่ภายในชิ้นส่วนตัวจุก (1) และสามารถปิดขวางช่องเปิดปลายด้านล่างของชิ้นส่วนตัวจุก (1) ที่เชื่อมต่อกับภายในขวดขณะตั้งขึ้น, และชิ้นส่วนปะเก็น (5) ซึ่งเป็นชิ้นส่วนที่ใช้ยึดชุดกลไกให้ติดอยู่กับฝาอะลูมิเนียม (6) ก่อนการบรรจุขวดและยังเป็นชิ้นส่วนที่ใช้ป้องกันการรั่วซึมของฝาขวดเมื่อปิดผนึกฝาแล้ว โดยมีลักษณะเป็นแป้นกลมมีช่องเปิดและลักษณะสอดคล้องกับลักษณะด้านบนของส่วนช่องไหล (3) ซึ่งขอบของชิ้นส่วนปะเก็น (5) เป็นแนวผนึกกับด้านในของฝาปิดกั้นไม่ให้ของเหลวรั่วออกจากขวดทางชิ้นส่วนช่องไหลเมื่อเวลาที่เอียงขวดแต่ยังไม่ได้เปิดฝาปิดนี้ออก และชิ้นส่วนปะเก็น (5) นี้ยังมีส่วนขอบต่อยื่นออกมาจากแป้นกลมเพื่อสอดรัดกับผิวด้านในส่วนบนของส่วนช่องไหล (3) และขอบของชิ้นส่วนปะเก็น (5) ยังเป็นส่วนช่วยยึดชุดกลไกป้องกันการบรรจุซ้ำของเหลวให้อยู่กับฝาปิดก่อนนำไปใช้งาน ตามรูปที่ 1 และรูปที่ 2 ในอนุสิทธิบัตรเลขที่ 5467 โดยชิ้นส่วนทั้งสี่ดังกล่าวมีลักษณะเป็นไปตามข้อถือสิทธิข้อที่ 1 อันถือเป็นข้อถือสิทธิหลัก ส่วนอนุสิทธิบัตรเลขที่ 5116 อันเป็นงานที่ปรากฏอยู่แล้วประกอบด้วย 4 ชิ้นส่วนสำคัญเช่นกัน ได้แก่ ชิ้นส่วนตัวจุกซึ่งส่วนกลางภายในเป็นช่องไหลผ่านของของเหลวจากปลายด้านล่างออกสู่ปลายด้านบนที่ประกอบยึดอยู่กับภายในคอขวด, ชิ้นส่วนตัววาล์วที่เคลื่อนที่ได้ประกอบอยู่ภายในชิ้นส่วนตัวจุกปิดขวางช่องเปิดปลายด้านล่างของชิ้นส่วนตัวจุกที่เชื่อมต่อกับภายในขวดขณะขวดตั้งขึ้น, ชิ้นส่วนช่องไหลที่มีช่องไหลผ่านของของเหลวออกประกอบอยู่ภายในชิ้นส่วนตัวจุกในตำแหน่งเหนือชิ้นส่วนตัววาล์วสำหรับเป็นส่วนกั้นด้านบนชิ้นส่วนตัววาล์วอยู่ภายในชิ้นส่วนตัวจุก และชิ้นส่วนปะเก็นที่มีลักษณะเป็นแป้นกลมแบนมีหยักเข้ากันกับผิวด้านบนของชิ้นส่วนช่องไหลสำหรับเป็นส่วนกั้นไม่ให้ของเหลวรั่วออกจากขวดทางชิ้นส่วนช่องไหลเมื่อเวลาที่เอียงขวดแต่ยังไม่ได้เปิดฝาปิดนี้ออก ชิ้นส่วนปะเก็นนี้ยังมีแกนยื่นออกมาจากกลางแป้นกลมเพื่อใช้สอดรัดกับผิวด้านบนของชิ้นส่วนช่องไหลเพื่อยึดชุดกลไกป้องกันการบรรจุซ้ำของเหลวให้อยู่กับฝาปิดก่อนนำไปใช้งาน ตามรูป ในอนุสิทธิบัตรเลขที่ 5116 ซึ่งเมื่อนำมาเปรียบเทียบกับการประดิษฐ์ตามอนุสิทธิบัตรพิพาทเลขที่ 5467 แล้วเห็นได้ว่า ชิ้นส่วนตัวจุก (1), ส่วนช่องไหล (3), ชิ้นส่วนตัววาล์ว (4), และชิ้นส่วนปะเก็น (5) ตามอนุสิทธิบัตรเลขที่ 5467 นั้น มีลักษณะการทำงานเช่นเดียวกับชิ้นส่วนตัวจุก, ชิ้นส่วนช่องไหล, ชิ้นส่วนตัววาล์ว, และชิ้นส่วนปะเก็นตามอนุสิทธิบัตรเลขที่ 5116 อันเป็นงานที่ปรากฏอยู่แล้ว ข้อถือสิทธิข้อที่ 1 ตามอนุสิทธิบัตรพิพาทเลขที่ 5467 จึงมีรายละเอียดการประดิษฐ์ไม่แตกต่างไปจากอนุสิทธิบัตรเลขที่ 5116 ส่วนข้อถือสิทธิข้อที่ 2 ถึงที่ 9 ตามอนุสิทธิบัตรพิพาทเลขที่ 5467 นั้น ก็ล้วนเป็นการอ้างถึงลักษณะทางเทคนิคอันเป็นลักษณะพิเศษหรือรายละเอียดปลีกย่อยเพิ่มเติมจากข้อถือสิทธิข้อที่ 1 เว้นแต่ข้อถือสิทธิข้อที่ 9 ซึ่งเพิ่มเติมจากข้อถือสิทธิข้อที่ 8 อีกต่อหนึ่ง ซึ่งเมื่อพิจารณาแล้วก็เห็นได้ว่ามีรายละเอียดการประดิษฐ์ไม่แตกต่างไปจากอนุสิทธิบัตรเลขที่ 5116 เช่นกัน ดังนี้ ข้อถือสิทธิข้อที่ 1 ถึงที่ 9 ของอนุสิทธิบัตรเลขที่ 5467 จึงเป็นการประดิษฐ์ที่ได้มีการเปิดเผยสาระสำคัญหรือรายละเอียดไว้ในอนุสิทธิบัตรเลขที่ 5116 อันเป็นงานที่ปรากฏอยู่ก่อนแล้ว สำหรับข้อถือสิทธิข้อที่ 10 ของอนุสิทธิบัตรพิพาทเลขที่ 5467 ซึ่งมีครีบยื่น (8) มีลักษณะเป็นครีบเฉียงนั้น แม้จะไม่ปรากฏว่ามีลักษณะตรงกับอนุสิทธิบัตรเลขที่ 5116 ก็ตาม แต่ก็ถือเป็นความแตกต่างเพียงเล็กน้อย ไม่ได้ส่งผลต่อองค์ประกอบสำคัญของการประดิษฐ์ ไม่ทำให้การทำงานต่างไปจากเดิม เมื่อพิจารณาข้อถือสิทธิทั้งหมดโดยรวมแล้ว เห็นว่า การประดิษฐ์ตามอนุสิทธิบัตร 5467 ไม่แตกต่างไปจากงานที่ปรากฏอยู่แล้วเดิม การประดิษฐ์ตามอนุสิทธิบัตรเลขที่ 5467 ทั้งฉบับจึงไม่เป็นการประดิษฐ์ขึ้นใหม่ ส่วนที่โจทก์โต้แย้งไว้ในคำแก้ฎีกาว่า ชิ้นส่วนตัวจุกซึ่งเป็นชิ้นส่วนหลักตามอนุสิทธิบัตรเลขที่ 5467 นั้นมีลักษณะพิเศษ คือ บริเวณภายในส่วนบนชิ้นส่วนตัวจุกมีส่วนช่องไหลขึ้นรูปเป็นส่วนเดียวกันกับตัวจุก แตกต่างกับอนุสิทธิบัตรเลขที่ 5116 ที่อาจมีการเข้าถึงตัววาล์วจากด้านบนของตัวจุกภายหลังจากประกอบติดตั้งชิ้นส่วนตัวจุกที่มีช่องไหลในตัวได้นั้น การประดิษฐ์ตามอนุสิทธิบัตรเลขที่ 5467 จึงมีโครงสร้างที่มีประโยชน์ในการปกป้องชิ้นส่วนวาล์วให้อยู่ภายในตัวจุกอย่างมั่นคงและป้องกันการเข้าถึงตัววาล์วจากด้านบนของตัวจุกภายหลังติดตั้งชิ้นส่วนตัวจุกนี้เข้ากับปากขวดบรรจุแล้วนั้น เห็นว่า การเปลี่ยนแปลงจากเดิมที่ชิ้นส่วนตัวจุกและชิ้นส่วนช่องไหลอาจถอดแยกออกจากกัน ได้ปรับปรุงให้ชิ้นส่วนตัวจุกและชิ้นส่วนช่องไหลกลายเป็นชิ้นส่วนเดียวกันนั้น เป็นการเปลี่ยนแปลงปรับปรุงเพียงเล็กน้อยโดยไม่ทำให้ลักษณะการทำงานเปลี่ยนไปจากเดิม จึงไม่เป็นความแตกต่างที่เป็นสาระสำคัญ และสำหรับที่โจทก์โต้แย้งต่อไปในคำแก้ฎีกาเกี่ยวกับความแตกต่างในข้อถือสิทธิข้อที่ 2 ถึงที่ 9 ตามอนุสิทธิบัตรเลขที่ 5467 นั้น ได้วินิจฉัยไว้แล้วข้างต้นว่าข้อถือสิทธิดังกล่าวซึ่งเป็นข้อถือสิทธิรองนั้นมีรายละเอียดการประดิษฐ์ไม่แตกต่างไปจากอนุสิทธิบัตรเลขที่ 5116 เช่นกัน ความแตกต่างทั้งหมดที่โจทก์โต้แย้งมาข้างต้นจึงไม่เป็นสาระสำคัญที่จะทำให้การประดิษฐ์ตามอนุสิทธิบัตรพิพาทเลขที่ 5467 แตกต่างไปจากอนุสิทธิบัตรเลขที่ 5116 ซึ่งเป็นงานที่ปรากฏอยู่แล้วได้ เมื่อได้ความดังนี้แล้ว กรณีจึงไม่จำต้องพิจารณาเกี่ยวกับสิทธิบัตรของสาธารณรัฐประชาชนจีน เลขที่ "CN 201068257Y" อีกต่อไป เพราะไม่ทำให้ผลของคดีเปลี่ยนไป การที่จำเลยที่ 2 ถึงที่ 11 ในฐานะคณะกรรมการสิทธิบัตรเห็นว่าอนุสิทธิบัตรเลขที่ 5467 มีข้อถือสิทธิส่วนใหญ่ไม่แตกต่างจากงานที่ปรากฏอยู่แล้ว ถือว่าไม่เป็นการประดิษฐ์ขึ้นใหม่ และมีคำสั่งให้เพิกถอนอนุสิทธิบัตรดังกล่าวจึงชอบแล้ว ฎีกาของจำเลยทั้งสิบเอ็ดข้อนี้ฟังขี้น ที่ศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษพิพากษามานั้น ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศไม่เห็นพ้องด้วย

พิพากษากลับให้ยกฟ้อง ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นอุทธรณ์และฎีกาให้เป็นพับ

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา ทก.(ป)17/2564

แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ชื่อคู่ความ โจทก์ - บริษัท ม. จำเลย - กรมทรัพย์สินทางปัญญา กับพวก

ชื่อองค์คณะ สุพิศ ปราณีตพลกรัง ภัทรศักดิ์ วรรณแสง สิริกานต์ มีจุล

ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ที่ตัดสิน ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง - นายวรวงศ์ อัจฉราวงศ์ชัย

  • นายสุรพล คงลาภ
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th
ติดต่อเราทาง LINE