คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 373/2522
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ม. 877 ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ม. 182
จำเลยยอมรับข้อเท็จจริงตามฟ้อง ซึ่งมีว่า จำเลยที่ 1 ขับรถยนต์โดยประมาท ตามกรมธรรม์ประกันภัยค้ำจุนซึ่งจำเลยที่ 3 ทำต่อจำเลยที่ 2 เจ้าของรถมีว่าจำเลยที่ 1 ขับรถโดยจำเลยที่ 2 ยินยอมถือเสมือนจำเลยที่ 2 เป็นผู้เอาประกันภัยเอง จำเลยที่ 3 ผู้รับประกันภัยจึงต้องรับผิดในการที่จำเลยที่ 1 ขับรถชนรถที่โจทก์รับประกันภัยไว้เสียหายตามคำท้าโจทก์ซ่อมรถที่โจทก์รับประกันภัยไว้แล้วโจทก์ได้รับช่วงสิทธิไล่เบี้ยเอากับจำเลยที่ 3 ได้
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำเลยแพ้คดีตามคำท้า จำเลยฎีกา
"โจทก์และจำเลยที่ 3 ไม่สืบพยานโดยแถลงรับกันว่า จำเลยที่ 3 ยอมรับข้อเท็จจริงตามฟ้องโจทก์ทุกประเด็น สำหรับค่าเสียหายทั้ง 2 ฝ่ายยอมรับกันว่าเป็นเงิน 2,500 บาท ทั้ง 2 ฝ่ายท้ากันเพียงประเด็นเดียวให้ศาลวินิจฉัยว่า ตามกรมธรรม์ประกันภัย เอกสารหมาย จ.ล.1 จำเลยที่ 3 ต้องรับผิดต่อโจทก์หรือไม่ถ้าวินิจฉัยว่าจำเลยที่ 3 ต้องรับผิดต่อโจทก์ จำเลยที่ 3 ยอมแพ้ ยอมชดใช้ค่าเสียหายจำนวนดังกล่าวข้างต้นให้โจทก์ พร้อมด้วยค่าฤชาธรรมเนียม ถ้าศาลวินิจฉัยว่าจำเลยที่ 3 ไม่ต้องรับผิด โจทก์ยอมแพ้ รายละเอียดปรากฏตามรายงานกระบวนพิจารณาลงวันที่ 30 ธันวาคม 2520
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ววินิจฉัยว่า ตามกรมธรรม์ประกันภัยเอกสารหมาย จ.ล.1 จำเลยที่ 3 ต้องรับผิดต่อโจทก์ ต้องแพ้คดีตามคำท้าพิพากษาให้จำเลยที่ 3 ใช้ค่าเสียหายให้โจทก์เป็นเงิน 2,500 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยร้อยละ 7 ครึ่งต่อปี นับตั้งแต่วันที่ 21 กรกฎาคม 2520 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จกับให้ใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์โดยกำหนดค่าทนายความ100 บาท
จำเลยที่ 3 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ให้จำเลยที่ 3 ใช้ค่าทนายความชั้นอุทธรณ์100 บาทแทนโจทก์
จำเลยที่ 3 ฎีกา
ศาลฎีกาตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้ว จำเลยที่ 3 ฎีกาเป็นข้อกฎหมายว่า การที่จะพิจารณาว่าจำเลยที่ 3 จะต้องรับผิดต่อโจทก์หรือไม่จะต้องพิเคราะห์ถึงปัญหาว่าผู้เอาประกันภัยคือจำเลยที่ 2 จะต้องรับผิดต่อโจทก์เสียก่อน ถ้าจำเลยที่ 2 ไม่ต้องรับผิดแล้ว จำเลยที่ 3 ก็ไม่ต้องรับผิดด้วย แต่คดีนี้จำเลยที่ 2ซึ่งเป็นผู้เอาประกันภัยมิใช่เป็นผู้ทำละเมิดต่อโจทก์ ฉะนั้นความรับผิดของจำเลยที่ 2ต่อโจทก์ก็เป็นความรับผิดที่จะเข้าแทนบุคคลอื่นซึ่งได้แก่จำเลยที่ 1 ผู้ทำละเมิดโจทก์มีหน้าที่นำสืบให้ได้ความว่าจำเลยที่ 2 จะต้องรับผิด แต่โจทก์ก็แสดงให้ศาลเห็นไม่ได้ ศาลควรต้องวินิจฉัยว่าจำเลยที่ 2 ไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์ เมื่อจำเลยที่ 2ไม่ต้องรับผิด จำเลยที่ 3 ก็ไม่ต้องรับผิดชอบด้วย ซึ่งโจทก์เป็นฝ่ายแพ้คดีตามคำท้าตามนัยคำพิพากษาฎีกาที่ 105/2517 ระหว่างห้างหุ้นส่วนจำกัด สุวรรณศร กับพวกโจทก์ บริษัท ร.ส.พ. ประกันภัย จำกัด กับพวกจำเลย (ที่ถูกเป็นบริษัท ร.ส.พ.ประกันภัย จำกัด โจทก์ ห้างหุ้นส่วนจำกัดขนส่งสุวรรณศร กับพวก จำเลย)ความข้อนี้ศาลฎีกาพิเคราะห์แล้วเห็นว่าโจทก์ฟ้องว่าจำเลยที่ 1 ขับรถยนต์ของจำเลยที่ 2 ด้วยความประมาท และจากรายงานกระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้นลงวันที่ 30 ธันวาคม 2520 ได้บันทึกไว้ว่า จำเลยที่ 3 ขอยอมรับข้อเท็จจริงตามฟ้องทุกประเด็น เมื่อยอมรับเช่นนี้ย่อมถือได้ว่าจำเลยที่ 3 ได้ยอมรับว่า จำเลยที่ 1ซึ่งขับรถยนต์ของจำเลยที่ 2 เป็นผู้ขับโดยความประมาท ข้อเท็จจริงจึงเป็นอันยุติฟังได้ตามคำฟ้อง คงมีปัญหาวินิจฉัยเฉพาะเรื่องที่คู่ความท้ากันว่าตามกรมธรรม์ประกันภัยเอกสาร หมาย จ.ล.1 จำเลยที่ 3 ต้องรับผิดต่อโจทก์หรือไม่ปรากฏจากกรมธรรม์ประกันภัยดังกล่าวหมวดที่ 2 ข้อ 2.7 ว่าด้วยการคุ้มครองผู้ขับขี่ ระบุไว้ว่าบริษัทจะถือบุคคลใดซึ่งขับขี่รถยนต์โดยได้รับความยินยอมจากผู้เอาประกันภัยเสมือนหนึ่งเป็นผู้เอาประกันภัยเอง ดังนั้น เมื่อจำเลยที่ 3 ผู้รับประกันภัยยอมรับตามฟ้องว่า จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นเจ้าของและผู้ครอบครองรถยนต์คันหมายเลขทะเบียน กท. ฐ-8354 และ เป็นผู้เอาประกันภัยไว้ได้อนุญาตให้จำเลยที่ 1 เป็นผู้ขับขี่รถยนต์คันดังกล่าว กรณีก็เป็นไปตามกรมธรรม์ประกันภัย เอกสารหมาย จ.ล.1หมวดที่ 2 ข้อ 2.7 ซึ่งจำเลยที่ 3 ต้องถือเสมือนหนึ่งว่าจำเลยที่ 1 เป็นผู้เอาประกันภัยเอง เมื่อจำเลยที่ 1 เป็นฝ่ายประมาทโดยขับรถยนต์คันดังกล่าวเป็นเหตุให้ชนกับรถยนต์หมายเลขทะเบียน กท. ภ-0167 ซึ่งประกันไว้กับบริษัทโจทก์โดยละเมิดและโจทก์ได้จัดการซ่อมรถยนต์หมายเลขทะเบียน กท. ภ-0127 ให้แก่บริษัทที เอ็น วี เอ็นยิเนียริ่ง จำกัดแล้วโจทก์ย่อมรับช่วงสิทธิมาฟ้องเรียกค่าเสียหายฐานละเมิดได้ ซึ่งจำเลยที่ 3 ต้องรับผิดต่อโจทก์ตามกรมธรรม์ประกันภัยเอกสารหมาย จ.ล.1 และต้องเป็นฝ่ายแพ้คดีตามคำท้า ที่จำเลยที่ 3 อ้างคำพิพากษาฎีกามานั้นไม่ตรงกับรูปเรื่องของคดีนี้"
พิพากษายืน
หมายเลขคดีดำศาลฎีกา nan
แหล่งที่มา เนติบัณฑิตยสภา
ชื่อคู่ความ โจทก์ - บริษัท โจทก์ - ร.ส.พ. ประกันภัย จำกัด จำเลย - นายกฤษดา หฤทัยชื่น กับพวก
ชื่อองค์คณะ วิถี ปานะบุตร พัลลภ เสถียรธรรมกิจ อำนัคฆ์ คล้ายสังข์
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ที่ตัดสิน nan