สารบัญ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3685/2532

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3684 - 3685/2532

ประมวลกฎหมายอาญา ม. 349 ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ม. 218

จำเลยได้จำนำทรัพย์สินไว้แก่ผู้เสียหาย การที่จำเลยกับพวกร่วมกันขนย้ายทรัพย์สินที่จำนำไปจากสถานที่เก็บรักษาโดยอ้างว่าทรัพย์สินเหล่านั้นเป็นของบุคคลอื่น ย่อมเป็นการทำให้เกิดความเสียหายแก่ผู้รับจำนำ เพราะเป็นการทำให้ทรัพย์สินที่เป็นหลักประกันการจำนำลดจำนวนลงหรือหมดสิ้นไป จึงเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 349 ศาลชั้นต้นลงโทษจำคุกจำเลย 1 ปี ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนคดีต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218.

เนื้อหาฉบับเต็ม

โจทก์ทั้งสองสำนวนฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 349 กับให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์สำนวนแรกเป็นเงิน6,460,000 บาท สำนวนที่สองเป็นเงิน 3,400,000 บาทแก่ผู้เสียหายและให้นับโทษจำเลยทั้งสองคดีติดต่อกัน

จำเลยให้การปฏิเสธ แต่รับว่าเป็นจำเลยในคดีทั้งสองสำนวนนี้

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 349 ลงโทษจำเลยในสำนวนแรกจำคุก 1 ปี ลงโทษจำเลยในสำนวนที่ 2จำคุก 1 ปี รวมโทษจำคุก 2 ปี ส่วนที่โจทก์ขอให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์แก่ผู้เสียหายนั้น เห็นว่าพนักงานอัยการจังหวัดศรีสะเกษฟ้องจำเลยในความผิดฐานโกงเจ้าหนี้ ซึ่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 43 ไม่ได้ให้อำนาจพนักงานอัยการโจทก์เรียกทรัพย์สินหรือราคาแทนผู้เสียหาย จึงให้ยกคำขอส่วนนี้

จำเลยทั้งสองสำนวนอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องโจทก์สำนวนแรก นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

โจทก์สำนวนแรกและจำเลยสำนวนที่ 2 ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยได้จำนำทรัพย์สินไว้แก่ผู้เสียหายดังกล่าว การที่จำเลยกับพวกร่วมกันขนย้ายทรัพย์สินที่จำนำไปจากสถานที่เก็บรักษาโดยอ้างว่าทรัพย์สินเหล่านั้เป็นของนายธนาการ จึงย่อมทำให้เกิดความเสียหายแก่ผู้รับจำนำเพราะเป็นการทำให้ทรัพย์สินที่เป็นหลักประกันการจำนำลดจำนวนลงหรือหมดสิ้นไป การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดดังโจทก์ฟ้องคำพิพากษาศาลอุทธรณ์เฉพาะสำนวนแรกไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกาฎีกาโจทก์ฟังขึ้น ส่วนสำนวนที่ 2 ศาลชั้นต้นลงโทษจำคุกจำเลย 1 ปีศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จึงต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้

พิพากษาแก้เป็นว่า เฉพาะในสำนวนแรก ให้บังคับคดีตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์.

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา nan

แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ชื่อคู่ความ โจทก์ - พนักงานอัยการ จังหวัด ศรีสะเกษ จำเลย - นาย ชังคุง หรือ ชั่งคุง แซ่เตีย

ชื่อองค์คณะ เสริมพงศ์ วรยิ่งยง ดุสิต วราโห เกียรติ จาตนิลพันธุ์

ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ที่ตัดสิน nan

ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th
ติดต่อเราทาง LINE