สารบัญ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3553/2539

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3553/2539

ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ม. 379, 650

ข้อตกลงในสัญญากู้เงินที่ผู้กู้ยอมให้ผู้ให้กู้มีสิทธิขึ้นอัตราดอกเบี้ยได้ตามที่เห็นสมควรแต่ไม่เกินกว่าอัตราดอกเบี้ยที่กฎหมายกำหนดแม้ผู้กู้จะมิได้ผิดนัดชำระหนี้ไม่ใช่ข้อตกลงที่เป็นเบี้ยปรับ

เนื้อหาฉบับเต็ม

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระหนี้ตามสัญญากู้เงินและบังคับจำนองจำนวน 505,925.55 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ18 ต่อปี จากต้นเงิน 301,390.95 บาท นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ

จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวน 435,648.42 บาทแก่โจทก์ พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปีในต้นเงินจำนวน301,047.49 บาท นับตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2536 โดยให้เปลี่ยนเป็นต้นเงิน 301,390.49 บาท นับตั้งแต่วันที่ 25 มกราคม 2538เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ หากไม่ชำระให้ยึดทรัพย์จำนองออกขายทอดตลาดนำเงินมาชำระให้โจทก์ ถ้าไม่พอให้ยึดทรัพย์สินอื่นของจำเลยออกขายทอดตลาดนำเงินมาชำระหนี้ให้โจทก์จนครบถ้วน

โจทก์อุทธรณ์เฉพาะปัญหาข้อกฎหมายโดยตรงต่อศาลฎีกา โดยได้รับอนุญาตจากศาลชั้นต้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 223 ทวิ

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาตามอุทธรณ์ของโจทก์ว่า การที่สัญญากำหนดให้โจทก์มีสิทธิขึ้นอัตราดอกเบี้ยได้ตามที่เห็นสมควรแต่ไม่เกินอัตราดอกเบี้ยสูงสุดตามที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนดให้ธนาคารพาณิชย์เรียกเก็บได้ ข้อสัญญาดังกล่าวเป็นเบี้ยปรับหรือไม่สัญญากู้เงินเอกสารหมาย จ.4 ข้อ 2 มีใจความว่า ผู้กู้ยอมเสียดอกเบี้ยแก่ผู้ให้กู้เป็นรายเดือนในอัตราร้อยละ 15.5 ต่อปีโดยจะชำระให้ผู้ให้กู้ภายในวันที่สิ้นสุดของทุกเดือน และถ้าต่อไปผู้ให้กู้จะขึ้นอัตราดอกเบี้ยไม่เกินกว่าที่กฎหมายกำหนดแล้วผู้กู้ยอมให้ผู้ให้กู้มีสิทธิขึ้นอัตราดอกเบี้ยได้ตามแต่จะเห็นสมควรโดยเพียงแต่แจ้งให้ผู้กู้ทราบเท่านั้น ผู้กู้ยอมเสียดอกเบี้ยแก่ผู้ให้กู้ตามที่แจ้งไปนั้นทุกประการโดยไม่โต้แย้งใด ๆ ทั้งสิ้นและหนังสือสัญญาจำนองเอกสารหมาย จ.6 ข้อ 1 มีใจความว่า ผู้จำนองตกลงจำนองที่ดินแปลงที่กล่าวข้างบนนี้ทั้งแปลงแก่ผู้รับจำนองเพื่อเป็นประกันหนี้สินทุกชนิดของนางศรีสกุล ชุมสาย ณ อยุธยาเป็นจำนวนเงิน 300,000 บาท โดยให้ดอกเบี้ยร้อยละ 16.5 ต่อปีหรืออัตราดอกเบี้ยสูงสุดตามที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนดศาลฎีกาเห็นว่าเบี้ยปรับคือสัญญาซึ่งลูกหนี้ให้ไว้แก่เจ้าหนี้ว่าจะใช้เงินจำนวนหนึ่งเป็นเบี้ยปรับเมื่อตนไม่ชำระหนี้หรือไม่ชำระหนี้ให้ถูกต้องสมควร แต่ตามสัญญากู้เงินหรือสัญญาจำนองกำหนดให้โจทก์ผู้เป็นเจ้าหนี้มีสิทธิขึ้นอัตราดอกเบี้ยได้แม้จำเลยผู้เป็นลูกหนี้จะมิได้ผิดนัดชำระหนี้ ดังนี้ข้อสัญญาดังกล่าวจึงมิใช่เบี้ยปรับการที่ศาลชั้นต้นลดอัตราดอกเบี้ยจากร้อยละ 18 ต่อปี ลงเหลือร้อยละ 15 ต่อปี นั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย อุทธรณ์ของโจทก์ฟังขึ้น

พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยชำระเงิน 505,925.55 บาทพร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 18 ต่อปี แต่มิให้เกินอัตราสูงสุดตามที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนด ในต้นเงิน 301,390.49 บาท นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา nan

แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ชื่อคู่ความ โจทก์ - ธนาคาร แหลมทอง จำกัด (มหาชน จำเลย - นาง ศรีสกุลหรือธนพร ชุมสาย ณ อยุธยา

ชื่อองค์คณะ สมพล สัตยาอภิธาน ไพศาล รางชางกูร อร่าม หุตางกูร

ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ที่ตัดสิน nan

ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th
ติดต่อเราทาง LINE