สารบัญ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3531/2531

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3531/2531

ประมวลกฎหมายอาญา ม. 22, 91, 147

จำเลยกระทำความผิดคดีนี้กับคดีก่อนในข้อหาความผิดอย่างเดียวกันการกระทำความผิดทั้งสองคดีอยู่ในช่วงระยะเวลาเดียวกันและคาบเกี่ยวกัน ผู้เสียหายส่วนมากเป็นรายเดียวกันและพยานหลักฐานส่วนใหญ่เป็นชุดเดียวกัน หากโจทก์ฟ้องจำเลยเป็นคดีเดียวกันศาลจะลงโทษจำเลยได้ไม่เกินกำหนดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 91 ดังนี้เมื่อโจทก์แยกฟ้องคดีนี้ แม้ศาลมิได้สั่งรวมการพิจารณาคดีทั้งสองสำนวนเข้าด้วยกัน ก็จะลงโทษจำเลยทุกกรรมโดยจำคุกจำเลยเต็มตามที่กำหนดไว้ในมาตรา 91 ทั้งสองสำนวน และให้นับโทษต่อกันไม่ได้ เพราะจะทำให้จำเลยต้องรับโทษเกินกำหนดที่มาตรา 91 บัญญัติไว้ และกรณีนี้แม้คดีที่ศาลสั่งให้นับโทษต่อถึงที่สุดแล้วก็ตาม จำเลยก็ยื่นคำร้องขอไม่ให้นับโทษต่อได้

เนื้อหาฉบับเต็ม

คดีสืบเนื่องมาจากศาลพิพากษาว่าจำเลยกระทำความผิดหลายบทลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 ซึ่งเป็นบทหนักจำคุกกระทงละ 5 ปี ลดโทษแล้วจำคุก 185 ปีแต่คงจำคุกไว้ 50 ปีตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91(3) นับโทษต่อจากคดีอื่น คดีถึงที่สุดจำเลยยื่นคำร้องว่านับโทษต่อไม่ได้ ศาลชั้นต้นยกคำร้อง ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า "ขณะจำเลยกระทำผิดคดีนี้และคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 2291/2527 จำเลยเป็นข้าราชการพลเรือนประจำสำนักงานปศุสัตว์ จังหวัดขอนแก่น ตำแหน่งเจ้าหน้าที่ธุรการมีหน้าที่เป็นเจ้าหน้าที่การเงิน-การบัญชี รับผิดชอบการเบิกจ่ายเงินรักษาเงิน ทำงบเดือนบัญชีตลอดทั้งรับผิดชอบอื่น ๆ เกี่ยวกับด้านการเงินของสำนักงานดังกล่าว จำเลยกระทำผิดในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 2291/2527 ระหว่างวันที่ 20 กรกฎาคม 2520 ถึงวันที่ 21พฤษภาคม 2522 และกระทำผิดคดีนี้ระหว่างวันที่ 30 ธันวาคม 2519ถึงวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2522 ซึ่งอยู่ในช่วงระยะเวลาเดียวกันและคาบเกี่ยวกัน ข้อหาความผิดอย่างเดียวกันคือความผิดเกี่ยวกับตำแหน่งหน้าที่ราชการและความผิดเกี่ยวกับเอกสาร และถูกเจ้าพนักงานตำรวจจับกุมดำเนินคดีเมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม 2522 อันเป็นเวลาภายหลังจากจำเลยกระทำผิดครั้งสุดท้ายเพียง 2 วัน น่าจะทำการสอบสวนและโจทก์อาจสั่งฟ้องจำเลยสำหรับความผิดคดีนี้และคดีที่ขอให้นับโทษต่อเป็นคดีเดียวกันได้เนื่องจากโจทก์และจำเลยเป็นบุคคลคนเดียวกันและผู้เสียหายคือกรมปศุสัตว์และบุคคลอื่นซึ่งส่วนมากเป็นรายเดียวกัน พยานหลักฐานส่วนใหญ่น่าจะเป็นชุดเดียวกันหากโจทก์แยกฟ้องจำเลยแต่ละความผิดเป็นรายสำนวนไปและศาลมีคำสั่งให้รวมพิจารณาคดีทุกสำนวนเข้าด้วยกัน ศาลจะลงโทษจำเลยได้ไม่เกินกำหนดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 เมื่อโจทก์แยกฟ้องคดีนี้กับคดีที่ขอให้นับโทษต่อโดยศาลมิได้สั่งรวมพิจารณาคดีทั้งสองสำนวนเข้าด้วยกันแล้วศาลลงโทษจำเลยทุกกรรมโดยจำคุกจำเลยเต็มตามที่กำหนดไว้ในมาตรา 91 ทั้งสองสำนวนแล้ว ศาลก็นับโทษจำเลยต่อกันไม่ได้เพราะจะทำให้จำเลยต้องรับโทษเกินกำหนดที่ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 บัญญัติไว้ ปรากฏว่าจำเลยถูกคุมขังในคดีนี้เพียง 90 วันเท่านั้นนับแต่วันถูกจับกุมคดีนี้จากนั้นจำเลยถูกคุมขังในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 2291/2527ตลอดมา จึงต้องนับโทษจำคุกจำเลยคดีนี้นับตั้งแต่วันที่ 30ธันวาคม 2529 ซึ่งเป็นวันที่ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยในคดีนี้เป็นต้นไปโดยหักวันที่ถูกคุมขังมาแล้ว 90 วัน ออกให้หาใช่นับแต่วันที่ 5 มีนาคม 2525 ซึ่งเป็นวันที่จำเลยถูกคุมขังในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 2291/2527 ดังที่จำเลยฎีกาไม่ ฎีกาของจำเลยฟังขึ้นบางส่วน"

พิพากษากลับ ไม่ให้นับโทษจำคุกจำเลยต่อจากคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 2291/2527 และให้นับโทษจำคุกจำเลยคดีนี้ ตั้งแต่วันที่30 ธันวาคม 2529 เป็นต้นไป โดยให้หักวันที่ถูกคุมขังมาแล้ว 90วันออก

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา nan

แหล่งที่มา เนติบัณฑิตยสภา

ชื่อคู่ความ โจทก์ - อัยการ ขอนแก่น จำเลย - นาง เบญจ วรรณหรือเล็ก อุจวาทีหรือโย ทอง ยศ

ชื่อองค์คณะ เสียง ตรีวิมล จุนท์ จันทรวงศ์ ปชา วรธรรมพินิจ

ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ที่ตัดสิน nan

ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th
ติดต่อเราทาง LINE