สารบัญ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3526/2532

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3526/2532

ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ม. 79, 208

คำขอให้พิจารณาใหม่จะต้องยื่นต่อศาลภายในกำหนด 15 วันนับแต่วันที่การส่งคำบังคับมีผล จำเลยยื่นคำขอเมื่อล่วงเลยระยะเวลา15 วัน ตามที่กฎหมายกำหนด จึงไม่มีสิทธิขอให้พิจารณาใหม่ได้ส่วนกำหนดระยะเวลา 6 เดือน ตามบทบัญญัติของประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 208 วรรคแรกท่อนท้ายนั้นจะนำมาใช้บังคับต่อเมื่อมีพฤติการณ์นอกเหนือไม่อาจบังคับได้อันเป็นผลให้จำเลยไม่อาจยื่นคำขอภายในกำหนด 15 วัน นับจากวันที่ได้ส่งคำบังคับตามคำพิพากษาหรือภายในระยะเวลาตามกำหนดของศาล ตามคำขอของจำเลยไม่ปรากฏว่าอ้างพฤติการณ์นอกเหนือไม่อาจบังคับได้ไว้จึงไม่ใช่ข้อที่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วแต่ศาลชั้นต้น ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยในส่วนนี้.

เนื้อหาฉบับเต็ม

คดีนี้สืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องจำเลยที่ 1 ผู้เช่าซื้อรถยนต์และจำเลยที่ 2 ผู้ค้ำประกันให้ร่วมกันชำระเงินค่าเสียหายพร้อมด้วยดอกเบี้ย จำเลยที่ 1 ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณาจำเลยที่ 2 ยื่นคำให้การแต่ขาดนัดพิจารณา ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์พร้อมด้วยดอกเบี้ย

จำเลยที่ 2 ยื่นคำขอให้พิจารณาใหม่

ศาลชั้นต้นยกคำร้อง

จำเลยที่ 2 อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยที่ 2 ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คงมีปัญหามาสู่ศาลฎีกาตามที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งรับไว้แต่เพียงว่า จำเลยที่ 2 จะต้องยื่นคำขอให้พิจารณาใหม่ภายในกำหนด 15 วัน นับแต่วันที่ได้ส่งคำบังคับตามคำพิพากษาให้จำเลยที่ 2 หรือภายในกำหนด 6 เดือน ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 208 วรรคแรกท่อนท้ายเห็นว่า คดีนี้ปรากฏว่าเมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม 2530 พนักงานเดินหมายนำคำบังคับไปส่งให้แก่จำเลยที่ 2 ที่บ้านเลขที่ 33/574 หมู่ที่ 19ถนนงามวงศ์วาน แขวงลาดยาว เขตบางเขน กรุงเทพมหานคร อันเป็นภูมิลำเนาของจำเลยที่ 2 พบว่าบ้านปิดประตูใส่กุญแจจึงปิดหมายไว้ตามคำสั่งของศาลชั้นต้น ถือว่าได้ส่งคำบังคับให้แก่จำเลยโดยชอบซึ่งการส่งคำบังคับดังกล่าวมีผลใช้ได้เมื่อกำหนดเวลา 15 วันได้ล่วงพ้นไปแล้วตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 79 วรรคสองดังนั้นคำบังคับที่ส่งให้แก่จำเลยที่ 2 จึงมีผลในวันที่ 18 กรกฎาคม2530 จำเลยที่ 2 อาจยื่นคำขอให้พิจารณาใหม่ได้ภายในกำหนด15 วัน นับแต่วันที่การส่งคำบังคับมีผล ซึ่งครบกำหนดในวันที่ 1สิงหาคม 2530 จำเลยที่ 2 มายื่นคำขอให้พิจารณาใหม่วันที่ 19สิงหาคม 2530 ล่วงเลยระยะเวลา 15 วัน ตามที่กฎหมายกำหนดไว้จึงไม่มีสิทธิขอให้พิจารณาใหม่ได้ ที่จำเลยที่ 2 ฎีกาว่า จำเลยที่มีสิทธิยื่นคำขอภายในกำหนด 6 เดือนนั้น เห็นว่า กำหนดระยะเวลา6 เดือน ตามบทบัญญัติของประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา208 วรรคแรกท่อนท้ายนั้น จะนำมาใช้บังคับต่อเมื่อมีพฤติการณ์นอกเหนือไม่อาจบังคับได้อันเป็นผลให้จำเลยที่ 2 ไม่อาจยื่นคำขอภายในกำหนด 15 วัน นับจากวันที่ได้ส่งคำบังคับตามคำพิพากษาหรือภายในระยะเวลาตามคำกำหนดของศาล แต่ตามคำขอของจำเลยที่ 2ไม่ปรากฏว่าอ้างพฤติการณ์นอกเหนือไม่อาจบังคับได้ไว้ จึงมิใช่ข้อที่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วแต่ศาลชั้นต้น ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยในส่วนนี้

พิพากษายืน.

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา nan

แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ชื่อคู่ความ โจทก์ - บริษัท เงินทุนหลักทรัพย์ อินเตอร์เครดิตแอนด์ ทรัสต์ จำกัด จำเลย - นาย อำนาจ หรือ เอก ชัย เตชะ วงศ์ กับพวก

ชื่อองค์คณะ มงคล เปาอินทร์ สหัส สิงหวิริยะ ถาวร ตันตราภรณ์

ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ที่ตัดสิน nan

ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th
ติดต่อเราทาง LINE