สารบัญ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3413/2530

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3413/2530

ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ม. 657, 674, 675

โจทก์เข้าพักในโรงแรมของจำเลยและนำรถยนต์ไปจอดในบริเวณลานจอดรถของโรงแรม รถยนต์โจทก์หายไป ต่อมาโจทก์ได้รับรถยนต์คืนในสภาพชำรุดเสียหาย จึงฟ้องในข้อหาฝากทรัพย์ขอให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายโดยบรรยายฟ้องให้จำเลยรับผิดในฐานะเป็นเจ้าสำนักโรงแรมหรือโฮเต็ล เช่นนี้เป็นการฟ้องให้จำเลยรับผิดในฐานะเป็นเจ้าสำนักโรงแรมหรือโฮเต็ลตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 674,675 ซึ่งเป็นบทกฎหมายในลักษณะฝากทรัพย์นั่นเอง มิใช่การฝากทรัพย์ตามมาตรา 657 แต่อย่างเดียวดังที่จำเลยให้การปฏิเสธไว้ ศาลจึงวินิจฉัยให้จำเลยรับผิดตามฟ้องได้.

เนื้อหาฉบับเต็ม

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เข้าพักในโรงแรมของจำเลยและนำรถยนต์จอดไว้ในบริเวณลานจอดรถของโรงแรม รถยนต์ของโจทก์หายไป จำเลยมีหน้าที่ดูแลรักษาทรัพย์สินของผู้มาพักและติดตามรถยนต์คืนให้โจทก์ หากติดตามไม่ได้ต้องใช้ราคา ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามรถยนต์ของโจทก์ได้ เครื่องอุปกรณ์และทรัพย์สินในรถยนต์เสียหายเป็นเงิน 50,000 บาท โจทก์ทวงถามแล้วจำเลยไม่ชำระ ขอให้ศาลบังคับจำเลยให้ชำระเงิน 50,000 บาท พร้อมดอกเบี้ย

จำเลยให้การปฏิเสธหลายประการรวมทั้งให้การว่า โจทก์ไม่ได้ฝากรถยนต์อันเป็นของมีค่าไว้กับจำเลย ขอให้ยกฟ้อง

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยใช้เงินแก่โจทก์ 50,000 บาท พร้อมดอกเบี้ย

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าการที่โจทก์นำรถยนต์เข้าไปจอดในที่จอดรถของโรงแรมจำเลยนั้น รถยนต์มิใช่ของมีค่า ไม่จำต้องฝากไว้แก่จำเลยและบอกราคาโดยชัดแจ้ง แต่เป็นทรัพย์สินที่คนเดินทางพามา เมื่อรถยนต์หายไปก็แจ้งให้ผู้จัดการโรงแรมจำเลยทราบ จำเลยจึงต้องรับผิด โจทก์ไม่นำสืบเรื่องค่าเสียหายให้ชัดแจ้ง พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยชำระเงิน 20,000 บาท พร้อมดอกเบี้ย นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

โจทก์และจำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้ข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติว่า โจทก์นำรถยนต์ไปจอดในบริเวณลานจอดรถของจำเลย รถโจทก์หายไป ต่อมาโจทก์ได้รับรถคืนในสภาพชำรุดเสียหาย จึงฟ้องขอให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหาย 50,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระค่าเสียหายตามฟ้อง จำเลยอุทธรณ์ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้จำเลยใช้ค่าเสียหาย 20,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์ เป็นการแก้ไขเล็กน้อย ดังนั้น คดีนี้จึงต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248

ที่โจทก์ฎีกาขอให้จำเลยชำระค่าเสียหาย 50,000 บาท ตามฟ้องเป็นการโต้เถียงดุลพินิจในการกำหนดค่าเสียหายของศาลล่างทั้งสองจึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามบทกฎหมายดังกล่าว ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้

สำหรับฎีกาของจำเลยที่ว่า โจทก์ฟ้องในข้อหาฝากทรัพย์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 657 จำเลยให้การว่าไม่ได้รับฝากทรัพย์ ศาลจึงชอบที่จะวินิจฉัยว่าเป็นการฝากทรัพย์หรือไม่นั้น เห็นว่า ที่โจทก์ระบุข้อหาว่าฝากทรัพย์นั้น ความจริงโจทก์บรรยายฟ้องให้จำเลยรับผิดในฐานะเป็นเจ้าสำนักโรงแรมหรือโฮเต็ล ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 674, 675 ซึ่งเป็นบทกฎหมายในลักษณะฝากทรัพย์นั่นเอง มิใช่การฝากทรัพย์ตามมาตรา657 แต่อย่างเดียว ดังที่จำเลยอ้าง ส่วนที่จำเลยฎีกาเรื่องค่าเสียหายนั้น เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงอันต้องห้ามตามบทกฎหมายดังที่ได้วินิจฉัยข้างต้นเช่นกัน ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย

พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นนี้ให้ตกเป็นพับ ให้ยกฎีกาโจทก์ คืนค่าขึ้นศาลชั้นฎีกาทั้งหมดให้โจทก์.

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา nan

แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ชื่อคู่ความ โจทก์ - นาย เกียรติ ก่อเกียรติ จำเลย - บริษัท วินเซอร์โฮเต็ล จำกัด

ชื่อองค์คณะ อรรถวิทย์ วรรธนวินิจ ดุสิต วราโห สวัสดิ์ รอดเจริญ

ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ที่ตัดสิน nan

ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th
ติดต่อเราทาง LINE