คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 324/2518
พระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 ม. 6, 22 (3), 24, 91 วรรคสอง, 94 (1)
เมื่อศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ลูกหนี้ชั่วคราวแล้ว อำนาจในการทำสัญญาประนีประนอมยอมความหรือดำเนินคดีเกี่ยวกับทรัพย์สินของลูกหนี้ก็เป็นเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 22 ประกอบด้วยมาตรา 6 วรรคแปด หนี้ตามสัญญาประนีประนอมยอมความซึ่งลูกหนี้ทำไว้หลังจากศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ชั่วคราวยอมใช้หนี้ให้แก่เจ้าหนี้ผู้ขอรับชำระหนี้ จึงไม่สมบูรณ์ เพราะเกิดขึ้นโดยฝ่าฝืนข้อห้ามตามมาตรา 94(1) ทั้งเชื่อว่าเป็นหนี้ที่เกิดขึ้นด้วยการสมยอม จึงรับฟังเป็นหลักฐานแห่งหนี้โดยชอบประกอบคำขอรับชำระหนี้ตามมาตรา 91 วรรคสองไม่ได้
ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 24 เมื่อศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้แล้ว ลูกหนี้ยังอาจกระทำการใดๆ เกี่ยวกับทรัพย์สินหรือกิจการของตนถ้าได้กระทำการตามคำสั่งหรือความเห็นชอบของศาลได้แต่เฉพาะกรณีที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติล้มละลายเท่านั้นเมื่อพระราชบัญญัติล้มละลายมิได้มีบทบัญญัติให้ศาลมีคำสั่งให้ความเห็นชอบหรืออนุญาตให้ลูกหนี้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความได้เองแต่อย่างใดการที่ศาลทำสัญญาประนีประนอมยอมความให้จะถือว่าศาลให้ความเห็นชอบหรืออนุญาตไม่ได้ หากแต่เป็นเพราะศาลไม่ทราบว่าลูกหนี้ถูกศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์ชั่วคราวในคดีอื่น
คดีนี้ เจ้าหนี้ทั้งสองได้ยื่นคำขอรับชำระหนี้เป็นจำนวนเงิน 600,000 บาท จากกองทรัพย์สินของลูกหนี้ผู้ล้มละลายต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้นัดบรรดาเจ้าหนี้ตรวจคำขอรับชำระหนี้แล้ว ปรากฏว่าเจ้าหนี้ผู้เป็นโจทก์กับเจ้าหนี้อื่นอีกรายหนึ่ง โต้แย้งคัดค้านคำขอรับชำระหนี้รายนี้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์สอบสวนแล้วทำความเห็นรายงานต่อศาลชั้นต้นว่า หนี้ที่ขอรับชำระเป็นหนี้ตามสัญญาประนีประนอมยอมความในคดีแพ่ง ซึ่งเป็นระยะเวลาหลังจากศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ลูกหนี้ และเจ้าหนี้รู้อยู่แล้วว่าลูกหนี้ถูกฟ้องคดีล้มละลาย จึงไม่มีอำนาจทำสัญญาประนีประนอมยอมความได้ และใช้ยันเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ไม่ได้ นอกจากนี้คำพิพากษาตามยอมเกิดขึ้นภายหลังที่ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์คดีนี้แล้ว ถือได้ว่ามูลหนี้เกิดขึ้นภายหลังพิทักษ์ทรัพย์ จึงต้องห้ามมิให้ขอรับชำระหนี้อีกด้วย เห็นควรยกคำขอรับชำระหนี้เสียทั้งสิ้น
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งเห็นชอบด้วยตามความเห็นของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์
เจ้าหนี้อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
เจ้าหนี้ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ข้อเท็จจริงได้ความจากพยานฝ่ายเจ้าหนี้ว่า เจ้าหนี้ทั้งสองเป็นสามีภรรยากัน มีที่ดิน 1 แปลง ถือกรรมสิทธิ์ร่วมกัน เจ้าหนี้เป็นความกับนายหวังในคดีแพ่งเจ้าหนี้จึงโอนขายที่ดินให้แก่นายยาและลูกหนี้เป็นเงิน 400,000 บาท และไม่ได้รับเงินเลยโดยลูกหนี้แนะนำว่าถ้าไม่ขาย ทนายรับว่าความให้ไม่ได้ เพราะถ้าแพ้คดีจะถูกยึด เจ้าหนี้โอนขายให้แล้วลูกหนี้เอาที่ดินนั้นไปขายฝากผู้มีชื่อ แล้วได้มีการโอนขายต่อไปอีกหลายทอด เจ้าหนี้จึงฟ้องลูกหนี้กับพวกเป็นคดีอาญาและฟ้องคดีแพ่งที่ศาลแพ่งด้วย ผลที่สุดลูกหนี้กับพวกยอมใช้เงินให้เจ้าหนี้เป็นเงิน 600,000 บาท ศาลพิพากษาตามสัญญาประนีประนอมยอมความแล้ว ขณะตกลงยอมความ เจ้าหนี้ทราบอยู่แล้วว่าลูกหนี้ถูกฟ้องล้มละลาย ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ชั่วคราวก่อนเจ้าหนี้และลูกหนี้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความ 4 เดือนเศษ เจ้าหนี้ยังไม่ได้รับชำระหนี้ จึงมายื่นคำขอรับชำระหนี้โดยอ้างว่าลูกหนี้เป็นหนี้ตามคำพิพากษาปรากฏตามสำเนาสัญญาประนีประนอมยอมความและคำพิพากษาตามยอมที่ยื่นพร้อมคำขอรับชำระหนี้
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า เมื่อศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ลูกหนี้ชั่วคราวแล้วอำนาจในการทำสัญญาประนีประนอมยอมความหรือดำเนินคดีเกี่ยวกับทรัพย์สินของลูกหนี้ก็เป็นของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พุทธศักราช 2483 มาตรา 22 ประกอบด้วยมาตรา 6 วรรค 8 ลูกหนี้หามีอำนาจทำสัญญาประนีประนอมยอมความกับเจ้าหนี้ไม่ หนี้ตามสัญญาประนีประนอมยอมความจึงไม่สมบูรณ์เพราะเกิดขึ้นโดยฝ่าฝืนข้อห้ามตามพระราชบัญญัติล้มละลาย มาตรา 94(1) อีกประการหนึ่งข้อเท็จจริงได้ความว่า เจ้าหนี้รู้อยู่แล้วว่าลูกหนี้ถูกฟ้องล้มละลายในขณะที่ทำสัญญาประนีประนอมยอมความ และปรากฏว่าศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ลูกหนี้ชั่วคราวเมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 2513 ภายหลังลูกหนี้ถูกฟ้องล้มละลายเพียง 3 วัน และก่อนเจ้าหนี้ลูกหนี้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความถึง 4 เดือนเศษ มีเหตุผลให้เชื่อได้ว่าเจ้าหนี้เป็นฝ่ายไม่สุจริตรู้อยู่แล้วว่าลูกหนี้ถูกพิทักษ์ทรัพย์ชั่วคราวก่อนตกลงทำสัญญาประนีประนอมยอมความ หนี้ตามสัญญาประนีประนอมยอมความจึงเป็นหนี้ที่เกิดขึ้นด้วยการสมยอมอีกด้วยศาลรับฟังเป็นหลักฐานแห่งหนี้โดยชอบประกอบคำขอรับชำระหนี้ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย มาตรา 91 วรรคสองไม่ได้ และตามพระราชบัญญัติล้มละลายฯ มาตรา 24 เมื่อศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้แล้ว ลูกหนี้ยังอาจกระทำการใด เกี่ยวกับทรัพย์สินหรือกิจการของตนถ้าได้กระทำการตามคำสั่งหรือความเห็นชอบของศาลได้แต่เฉพาะในกรณีที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติล้มละลายฯ เท่านั้น เมื่อพระราชบัญญัติล้มละลายฯ มิได้บัญญัติให้ศาลมีคำสั่งให้ความเห็นชอบหรืออนุญาตให้ลูกหนี้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความได้เองแต่อย่างใด การที่ศาลทำสัญญาประนีประนอมยอมความให้จะถือว่าศาลให้ความเห็นชอบหรืออนุญาตไม่ได้ หากแต่เป็นเพราะศาลไม่ทราบว่าลูกหนี้ถูกศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์ชั่วคราวในคดีอื่น ฎีกาของเจ้าหนี้ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน
หมายเลขคดีดำศาลฎีกา nan
แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ชื่อคู่ความ โจทก์ - นางอมรา วรรณพฤกษ์ โจทก์ - เจ้าหนี้ผู้ขอรับชำระหนี้ โจทก์ - นายหะยีดาวุด มีนหะยีสุไลมาน ที่ 1 กับพวกรวม 2 คน จำเลย - นายมงคล ทองสดเจริญดี
ชื่อองค์คณะ สงวน สิทธิไชย อุดม จาละ ปรีชา สุมาวงศ์
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ที่ตัดสิน nan