สารบัญ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3239/2532

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3239/2532

ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ม. 55, 131, 176 พระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ.2522 ม. 52

แม้ในช่องคู่ความในคำฟ้องระบุชื่อจำเลยที่ 1 ถึงที่ 9 เป็นจำเลยโดยมิได้ระบุตำแหน่ง แต่ในคำฟ้องบรรยายว่า จำเลยที่ 1ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครและเป็นเจ้าพนักงานท้องถิ่นจำเลยที่ 2 ถึงที่ 9 เป็นกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ตามพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 เป็นผู้ออกคำสั่งให้โจทก์รื้อถอนอาคารและมีคำวินิจฉัยยกอุทธรณ์โจทก์ตามลำดับ ดังนี้ ถือได้ว่าโจทก์ฟ้องจำเลยทั้งเก้า ในฐานะผู้ดำรงตำแหน่งดังกล่าว เมื่อปรากฏว่าขณะเกิดเหตุจำเลยที่ 1 มิได้ดำรงตำแหน่งตามฟ้องส่วนจำเลยที่ 2 ก็พ้นจากตำแหน่งก่อนโจทก์ยื่นฟ้อง จำเลยที่ 1และที่ 2 จึงไม่อาจถูกฟ้องได้ เพราะมิได้ดำรงตำแหน่งที่มีอำนาจหน้าที่ที่จะปฏิบัติราชการได้ และย่อมมีผลไปถึงจำเลยอื่นด้วย เมื่อโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง คดีย่อมไม่จำเป็นต้องวินิจฉัยประเด็นข้ออื่น คำร้องขอถอนฟ้องจำเลยที่ 1 และคำร้องขอแก้ฟ้องเลื่อนจำเลยที่ 2 มาเป็นจำเลยที่ 1 จึงไม่เป็นสาระแก่คดีหรือทำให้ผลคดีเปลี่ยนแปลงไป ศาลจึงไม่จำเป็นต้องสั่งคำร้องนี้.

เนื้อหาฉบับเต็ม

โจทก์ฟ้องขอให้ศาลเพิกถอนคำสั่งของจำเลยที่ 1 และคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของจำเลยที่ 2 ถึงที่ 9 ที่ให้โจทก์รื้อถอนอาคาร

จำเลยทั้งเก้าให้การว่า โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง คำสั่งให้โจทก์รื้อถอนอาคารและคำวินิจฉัยยกอุทธรณ์ของโจทก์เป็นคำสั่งที่ถูกต้องและชอบด้วยกฎหมายแล้ว

ศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยานโจทก์จำเลยและพิพากษายกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาใหม่ตามรูปคดี

จำเลยทั้งเก้าฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า แม้ในช่องคู่ความในคำฟ้องระบุชื่อจำเลยที่ 1 ถึงที่ 9 เป็นจำเลย หาได้ระบุตำแหน่งเป็นจำเลยไม่แต่ในคำฟ้องบรรยายว่าจำเลยที่ 1 ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครและเป็นเจ้าพนักงานท้องถิ่น จำเลยที่ 2 ถึงที่ 9เป็นกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ตามพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522เป็นผู้ออกคำสั่งให้โจทก์รื้อถอนอาคารและมีคำวินิจฉัยยกอุทธรณ์โจทก์ตามลำดับ ถือได้ว่าโจทก์ฟ้องจำเลยที่ 1 ในฐานะผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครและเจ้าพนักงานท้องถิ่นตามกฎหมาย และฟ้องจำเลยที่ 2 ถึงที่ 9 ในฐานะผู้ดำรงตำแหน่งคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ดังนั้น เมื่อปรากฏว่าขณะเกิดเหตุพลเรือเอกเทียม มกรานนท์จำเลยที่ 1 มิได้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครและเป็นเจ้าพนักงานท้องถิ่นตามคำฟ้องแล้ว ผู้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครคือนายอาษา เมฆสวรรค์ จำเลยที่ 2 แต่ก็ได้ออกไปตั้งแต่ก่อนโจทก์ยื่นฟ้องแล้วเช่นกัน จำเลยที่ 1 และที่ 2 จึงไม่อาจถูกฟ้องเป็นจำเลยได้ เพราะมิได้ดำรงตำแหน่งที่มีอำนาจและหน้าที่ที่จะปฏิบัติราชการได้ กรณีไม่ใช่การฟ้องให้ต้องรับผิดเป็นส่วนตัว หากโจทก์จะฟ้องขอให้เพิกถอนคำสั่งให้รื้อถอนอาคารซึ่งคำสั่งดังกล่าวออกโดยผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครในฐานะเจ้าพนักงานท้องถิ่น ก็ต้องฟ้องผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครหรือกรุงเทพมหานครโดยตำแหน่งซึ่งมีอำนาจและหน้าที่ตามกฎหมายเมื่อโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยที่ 1 และที่ 2 แล้ว ย่อมมีผลไปถึงจำเลยอื่นด้วย ไม่จำเป็นต้องวินิจฉัยประเด็นข้ออื่นคำร้องขอถอนฟ้องจำเลยที่ 1 และคำร้องขอแก้ฟ้องเลื่อนจำเลยที่ 2มาเป็นจำเลยที่ 1 แทน มิได้เป็นสาระแก่คดีหรือทำให้ผลแห่งคดีเปลี่ยนแปลงไป จึงไม่จำเป็นต้องสั่ง

พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น.

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา nan

แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ชื่อคู่ความ โจทก์ - นาย สรรเสริญ ลีลาวานิชกุล กับพวก จำเลย - พลเรือเอก เทียม มกรานนท์ กับพวก

ชื่อองค์คณะ พนม พ่วงภิญโญ สุทิน นนทแก้ว บุญส่ง วรรณกลาง

ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ที่ตัดสิน nan

ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th
ติดต่อเราทาง LINE