สารบัญ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3225/2531

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3225/2531

ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ม. 15, 219, 221 ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ม. 249

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดแต่โทษจำคุกรอการลงโทษโจทก์ร่วมฝ่ายเดียวอุทธรณ์ไม่ให้รอการลงโทษ และศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นไม่รอการลงโทษ จำเลยฎีกาว่าพยานหลักฐานโจทก์ฟังไม่ได้ว่าจำเลยกระทำผิด การกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันและโจทก์ร่วมมิใช่ผู้เสียหาย ล้วนเป็นปัญหาข้อเท็จจริงที่จำเลยมิได้อุทธรณ์คัดค้าน เพิ่งมายกขึ้นอ้างในชั้นฎีกา จึงเป็นข้อที่มิได้ว่ากันมาในศาลอุทธรณ์แม้จำเลยจะได้รับอนุญาตให้ฎีกา ศาลฎีกาก็ไม่รับวินิจฉัยให้.

เนื้อหาฉบับเต็ม

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งหกร่วมกันทำร้ายร่างกายนายลิขิตอภิวัฒนกุล ได้รับอันตรายแก่กาย และจำเลยที่ 1 ที่ 4 และที่ 5 ทำร้ายนายโกมินทร์ อภิวัฒนกุล แต่ไม่ถึงกับเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กาย ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83,91, 295, 391 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา(ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2526 มาตรา 4

จำเลยทั้งหกให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยที่ 1 ถึงที่ 5 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 295 ลงโทษจำคุกคนละ 1เดือน และปรับคนละ 2,000 บาท โทษจำคุกให้รอไว้ 1 ปี ไม่ชำระค่าปรับกักขังแทน ส่วนจำเลยที่ 6 ให้ยกฟ้อง และข้อหาอื่นให้ยกฟ้อง

โจทก์ร่วมอุทธรณ์ขอไม่ให้รอการลงโทษจำเลย

ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ไม่รอการลงโทษให้จำเลยทั้งห้าและไม่ปรับจำเลย นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

จำเลยที่ 1 ถึงที่ 5 ฎีกาโดยได้รับอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จริง

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่จำเลยที่ 1 ถึงที่ 5 ฎีกาว่าพยานหลักฐานโจทก์ฟังไม่ได้ว่า จำเลยที่ 1 ถึงที่ 5 ได้กระทำผิดก็ดี โจทก์ร่วมได้มีส่วนก่อชนวนและทะเลาะวิวาทจึงมิใช่ผู้เสียหายก็ดี และว่าการที่จำเลยที่ 2 ต้องเกิดการชกต่อยกับโจทก์ร่วม เนื่องจากโจทก์ร่วมได้เดินเข้ามาหาจำเลยที่ 2 ชกเพื่อนของจำเลยที่ 2 และจะหันมาชกจำเลยที่ 2 จำเลยที่ 2 จึงต้องป้องกันตัวก็ดี ล้วนแต่เป็นปัญหาข้อเท็จจริงที่จำเลยดังกล่าวมิได้อุทธรณ์คัดค้านอย่างใดเพิ่งมายกขึ้นอ้างในชั้นฎีกา จึงเป็นข้อที่มิได้ว่ากันมาในศาลอุทธรณ์ แม้จะได้รับอนุญาตให้ฎีกา ก็ไม่อาจทำให้ศาลฎีการับวินิจฉัยได้ ศาลฎีกาจึงไม่รับวินิจฉัยฎีกาของจำเลยในข้อเหล่านี้

ส่วนที่จำเลยที่ 1 ถึงที่ 5 ฎีกาขอให้รอการลงโทษตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น เห็นว่า ข้อเท็จจริงที่ได้ความจากทางนำสืบของโจทก์จำเลย เห็นได้ว่ามูลเหตุของเรื่องเกิดจากการที่ฝ่ายจำเลยทำเสียงอึกทึกเป็นที่เดือดร้อนแก่ฝ่ายโจทก์ร่วมซึ่งเป็นเพื่อนบ้าน เมื่อฝ่ายโจทก์ร่วมห้ามปรามแทนที่จะหาทางแก้ไขกลับหาเหตุทำร้าย มีลักษณะนักเลง นอกจากนี้การทำร้ายยังร่วมกันรุมทำร้ายโจทก์ร่วมคนเดียวทั้งไม่ปรากฏว่ามีการยอมรับผิด หรือบรรเทาความเสียหายอย่างใดศาลอุทธรณ์ไม่รอการลงโทษชอบแล้ว

พิพากษายืน.

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา nan

แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ชื่อคู่ความ โจทก์ - พนักงานอัยการ ศาลแขวง ธนบุ รี โจทก์ - โจทก์ร่วม โจทก์ - นาย ลิขิต อภิวัฒนกุ ล จำเลย - นาย อุด ร ปทุม ล่อง ทอง กับพวก

ชื่อองค์คณะ นิเวศน์ คำผอง นายสหัส สิงหวิริยะ นายมงคล เปาอินทร์

ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ที่ตัดสิน nan

ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th
ติดต่อเราทาง LINE