คำพิพากษาศาลฎีกาที่ ครพ.พณ. 3139/2567
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ม. 60, 61, 247
ตามระเบียบของผู้ร้องกำหนดให้การลงลายมือชื่อของผู้มีอำนาจกระทำการแทนผู้ร้อง รวมทั้งหนังสือมอบอำนาจให้ดำเนินคดีหรือแต่งตั้งทนายความ ต้องประทับตราผู้ร้อง และที่ประชุมคณะกรรมการดำเนินการของผู้ร้องมีมติมอบอำนาจให้ประธานกรรมการหรือรองประธานกรรมการร่วมกับผู้จัดการใหญ่มีอำนาจกระทำการแทนผู้ร้องในการเป็นโจทก์ฟ้องคดีแพ่งหรือเป็นจำเลยต่อสู้คดีในชั้นศาล โดยให้แต่งตั้งผู้รับมอบอำนาจช่วงได้และต้องประทับตราผู้ร้อง แต่ตามหนังสือมอบอำนาจช่วงที่แต่งตั้ง ช. ผู้จัดการใหญ่เป็นผู้มีอำนาจร้องขอให้ศาลมีคำสั่งในคดีนี้ มิได้ประทับตราผู้ร้อง การแต่งตั้งผู้รับมอบอำนาจช่วงจึงฝ่าฝืนระเบียบและมติที่ประชุมคณะกรรมการดำเนินการของผู้ร้อง
ช. มิใช่ผู้รับมอบอำนาจช่วงโดยชอบ จึงไม่มีอำนาจแต่งตั้งทนายความ การที่ ช. แต่งตั้ง ท. เป็นทนายความคดีนี้ จึงเป็นการกระทำโดยปราศจากอำนาจ ท. ไม่มีอำนาจดำเนินกระบวนพิจารณาแทนหรือดำเนินคดีต่างผู้ร้องได้ เมื่อ ท.ลงลายมือชื่อเป็นผู้ฎีกา และเป็นผู้ยื่นคำร้องขออนุญาตฎีกาโดยไม่มีอำนาจ คำร้องขออนุญาตฎีกาและฎีกาที่ยื่นมาจึงเป็นคำร้องขออนุญาตฎีกาและฎีกาที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
ศาลฎีกาแผนกคดีพาณิชย์และเศรษฐกิจตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้ว ตามระเบียบของผู้ร้องว่าด้วยการลงลายมือชื่อแทนชุมนุมสหกรณ์เพื่อให้มีผลผูกพันชุมนุมสหกรณ์ พ.ศ. 2551 ข้อ 5 (2) กำหนดให้ประธานกรรมการดำเนินการ หรือรองประธานกรรมการดำเนินการ ฝ่ายหนึ่ง กับผู้จัดการใหญ่ หรือรักษาการแทนผู้จัดการใหญ่อีกฝ่ายหนึ่ง รวม 2 คน มีอำนาจกระทำการต่าง ๆ ในนามของชุมนุมสหกรณ์และลงลายมือชื่อที่มีผลผูกพันชุมนุมสหกรณ์ รวมทั้งการทำนิติกรรมหรือทำสัญญา หรือทำหนังสือมอบอำนาจต่าง ๆ รวมทั้งการมอบอำนาจให้ดำเนินคดีความ หรือแต่งตั้งทนายความ หรือต่อสู้คดี ตลอดจนประนีประนอมยอมความ และต้องประทับตราชุมนุมสหกรณ์ และให้ดำเนินการตามที่กฎหมายกำหนด ประกอบกับหนังสือมอบอำนาจลงวันที่ 28 พฤษภาคม 2563 ตามมติที่ประชุมคณะกรรมการดำเนินการชุดที่ 43 ครั้งที่ 1 วันที่ 28 พฤษภาคม 2563 มอบอำนาจให้ ศ. ตำแหน่งประธานกรรมการ หรือ ร. ตำแหน่งรองประธานกรรมการ หรือ น. ตำแหน่งรองประธานกรรมการ ฝ่ายหนึ่ง ร่วมกับ ช. ตำแหน่งผู้จัดการใหญ่อีกฝ่ายหนึ่งเป็นผู้มีอำนาจกระทำการต่าง ๆ ในนามผู้ร้อง และลงลายมือชื่อที่มีผลผูกพันผู้ร้อง ดังนี้ ข้อ 3 เป็นโจทก์ฟ้องคดีแพ่ง คดีล้มละลาย ร้องสอด ร้องขัดทรัพย์ ร้องขอเฉลี่ยหนี้ ร้องขอรับชำระหนี้ และให้มีอำนาจถอนฟ้อง ถอนคำร้องหรือคำขอนั้น ๆ ได้ เป็นจำเลยต่อสู้คดีในชั้นศาล ฟ้องแย้ง และข้อ 7 เพื่อที่จะปฏิบัติการให้สำเร็จสมบูรณ์ตามกิจการที่ได้รับมอบอำนาจ ให้ผู้รับมอบอำนาจแต่งตั้งผู้รับมอบอำนาจช่วงได้และต้องประทับตราผู้ร้อง รวมทั้งมีอำนาจแต่งตั้งทนายความคนเดียวหรือหลายคนดำเนินการแทนได้ แต่ตามหนังสือมอบอำนาจลงวันที่ 9 กรกฎาคม 2563 ผู้ร้องโดย น. ตำแหน่งรองประธานกรรมการ และ ช. ตำแหน่งผู้จัดการใหญ่ แต่งตั้งและมอบอำนาจให้ ช. เป็นผู้มีอำนาจร้องขอให้ศาลมีคำสั่งเพิกถอนการจดทะเบียนเสร็จการชำระบัญชีของบริษัท ข. และขอให้นายทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทจดชื่อบริษัท ข. กลับคืนสู่ทะเบียน อันเป็นกรณีแต่งตั้งผู้รับมอบอำนาจช่วง โดยมิได้ประทับตราผู้ร้อง การแต่งตั้งผู้รับมอบอำนาจช่วงจึงฝ่าฝืนระเบียบของผู้ร้องว่าด้วยการลงลายมือชื่อแทนชุมนุมสหกรณ์เพื่อให้มีผลผูกพันชุมนุมสหกรณ์ พ.ศ. 2551 ข้อ 5 (2) และมติที่ประชุมคณะกรรมการดำเนินการชุดที่ 43 ครั้งที่ 1 วันที่ 28 พฤษภาคม 2563 ช. มิใช่ผู้รับมอบอำนาจช่วงโดยชอบ จึงไม่มีอำนาจแต่งตั้งทนายความเพื่อดำเนินกระบวนพิจารณาแทนผู้ร้อง การที่ ช. ลงลายมือชื่อผู้แต่งทนายความ แต่งตั้งให้ ท. เป็นทนายความ จึงเป็นการกระทำโดยปราศจากอำนาจ ท. จึงไม่มีอำนาจดำเนินกระบวนพิจารณาคดีแทนหรือดำเนินคดีต่างผู้ร้องได้ เมื่อความปรากฏว่า ท. ลงลายมือชื่อเป็นผู้ฎีกา และเป็นผู้ยื่นคำร้องขออนุญาตฎีกาโดยไม่มีอำนาจ จึงมีผลให้คำร้องขออนุญาตฎีกาและฎีกาที่ยื่นต่อศาลชั้นต้นเป็นคำร้องขออนุญาตฎีกาและฎีกาที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ศาลฎีกาไม่รับไว้วินิจฉัย
จึงให้ยกคำร้องขออนุญาตฎีกาและไม่รับฎีกาของผู้ร้อง คืนค่าขึ้นศาลชั้นฎีกาทั้งหมดให้แก่ผู้ร้อง ค่าฤชาธรรมเนียมอื่นนอกจากที่สั่งคืนให้เป็นพับ
หมายเลขคดีดำศาลฎีกา ครพ.พณ.93/2566
แหล่งที่มา หนังสือคำพิพากษาศาลฎีกา