สารบัญ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2760/2563

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2760/2563

ประมวลกฎหมายอาญา ม. 95 (3), 96

เมื่อข้อเท็จจริงรับฟังเป็นที่ยุติว่าในวันที่ 17 กรกฎาคม 2558 จำเลยที่ 1 กับพวกร่วมกันหลอกลวงโจทก์และโจทก์ไปร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนให้ดำเนินคดีแก่จำเลยที่ 1 กับพวกในวันที่ 26 กันยายน 2558 จึงเป็นการร้องทุกข์ภายในสามเดือนนับแต่วันที่รู้เรื่องความผิดและรู้ตัวผู้กระทำความผิดตาม ป.อ. มาตรา 96 แล้ว แม้โจทก์จะฟ้องคดีนี้เกินกว่าสามเดือน แต่ยังไม่พ้นอายุความตาม ป.อ. มาตรา 95 (3) ซึ่งอนุญาตให้ฟ้องคดีภายในสิบปี นับแต่วันกระทำความผิด ส่วนที่โจทก์ขอถอนคำร้องทุกข์ในคดีอาญาหมายเลขดำที่ 1238/2560 ของศาลแขวงลพบุรีนั้น ก็ปรากฏว่าโจทก์ถอนคำร้องทุกข์เพราะโจทก์ฟ้องคดีนี้และศาลชั้นต้นได้ประทับฟ้องไว้แล้ว ไม่ได้ถอนคำร้องทุกข์โดยเจตนาที่จะไม่เอาผิดแก่จำเลยที่ 1 แต่อย่างใด คดีของโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ

เนื้อหาฉบับเต็ม

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 334, 335

ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว เห็นว่า คดีมีมูลในข้อหาร่วมกันฉ้อโกงตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341 ประกอบมาตรา 83 ให้ประทับฟ้องในข้อหาดังกล่าว

จำเลยที่ 1 ให้การปฏิเสธ

จำเลยที่ 2 หลบหนี ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้จำหน่ายคดีชั่วคราวสำหรับจำเลยที่ 2

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341 (ที่ถูก มาตรา 341 (เดิม)) ประกอบมาตรา 83 จำคุก 2 ปี

โจทก์และจำเลยที่ 1 อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน และให้ยกอุทธรณ์ของโจทก์

จำเลยที่ 1 ฎีกาโดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงที่คู่ความไม่ได้โต้เถียงกันในชั้นฎีการับฟังเป็นยุติว่า ในวันเวลาและสถานที่เกิดเหตุตามฟ้อง โจทก์ทำสัญญาขายสิทธิการเช่าซื้อรถยนต์ยี่ห้อมาสด้า หมายเลขทะเบียน กย 7069 ขอนแก่น ที่โจทก์ทำสัญญาเช่าซื้อกับบริษัททิสโก้ จำกัด (มหาชน) ให้แก่จำเลยที่ 1 เมื่อวันที่ 26 กันยายน 2558 โจทก์ร้องทุกข์เกี่ยวกับเหตุคดีนี้ต่อพนักงานสอบสวน ต่อมาเมื่อวันที่ 14 มกราคม 2560 โจทก์ฟ้องจำเลยทั้งสองเป็นคดีนี้ จากนั้นเมื่อวันที่ 29 ธันวาคม 2560 พนักงานอัยการยื่นฟ้องจำเลยที่ 1 ต่อศาลแขวงลพบุรีเป็นคดีอาญาหมายเลขดำที่ 1238/2560 หลังจากนั้นเมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม 2561 โจทก์ขอถอนคำร้องทุกข์ในคดีอาญาหมายเลขดำที่ 1238/2560 เนื่องจากยื่นฟ้องจำเลยที่ 1 กับพวกเป็นคดีนี้แล้ว ศาลแขวงลพบุรีมีคำสั่งอนุญาตและให้จำหน่ายคดี

คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยที่ 1 ประการแรกว่า โจทก์มีอำนาจฟ้องหรือไม่ เห็นว่า โจทก์มีตัวโจทก์เป็นพยานเบิกความว่า โจทก์ตกลงขายสิทธิเช่าซื้อรถยนต์ตามฟ้องโดยมีข้อตกลงกับจำเลยที่ 1 กับพวกว่าจะต้องชำระเงินให้แก่โจทก์ 50,000 บาท และต้องเปลี่ยนชื่อผู้เช่าซื้อกับบริษัทผู้ให้เช่าซื้อเสียก่อน โจทก์จึงจะมอบรถยนต์คันดังกล่าวให้ แต่จำเลยที่ 1 กับพวกใช้อุบายหลอกลวง โจทก์จึงยอมมอบรถยนต์ตามฟ้องให้แก่จำเลยที่ 1 กับพวกไป ทั้งโจทก์ยังเบิกความตอบทนายจำเลยที่ 1 ถามค้านว่า สาเหตุที่ไม่ระบุข้อตกลงดังกล่าวในหนังสือสัญญาขายรถยนต์ให้ครบถ้วนตามที่ตกลงกันนั้น เนื่องจากเชื่อใจว่าจำเลยที่ 1 กับพวก จะต้องเปลี่ยนชื่อผู้เช่าซื้อกับบริษัทผู้ให้เช่าซื้อจริง พฤติการณ์ของโจทก์ดังกล่าวแสดงให้เห็นว่าโจทก์หลงเชื่อตามที่จำเลยที่ 1 กับพวกร่วมกันหลอกลวงว่าจำเลยที่ 1 กับพวกมีเจตนาซื้อสิทธิเช่าซื้อรถยนต์ตามฟ้องจากโจทก์จริง มิฉะนั้น โจทก์คงไม่ทำสัญญาซื้อขายรถยนต์กับจำเลยที่ 1 และมอบรถยนต์ตามฟ้องให้แก่จำเลยที่ 1 กับพวกไป หาได้มีข้อเท็จจริงใดที่แสดงให้เห็นถึงพฤติการณ์ของโจทก์ว่าประสงค์เพียงเงิน 50,000 บาท โดยต้องการให้รถยนต์ตามฟ้องพ้นไปจากความรับผิดชอบของโจทก์ดังที่จำเลยที่ 1 ฎีกาไม่ ทั้งโจทก์ยังต้องรับผิดตามสัญญาเช่าซื้อรถยนต์กับบริษัทผู้ให้เช่าซื้ออยู่ และอาจจะต้องมีส่วนเกี่ยวข้องหากมีผู้นำรถยนต์ตามฟ้องไปกระทำความผิด โจทก์จึงเป็นผู้เสียหายโดยนิตินัย ซึ่งมีอำนาจฟ้องจำเลยเป็นคดีนี้ได้ ฎีกาของจำเลยที่ 1 ในข้อนี้ฟังไม่ขึ้น

ปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยที่ 1 ประการต่อไปมีว่า คดีของโจทก์ขาดอายุความหรือไม่ เห็นว่า เมื่อข้อเท็จจริงรับฟังเป็นที่ยุติว่าในวันที่ 17 กรกฎาคม 2558 จำเลยที่ 1 กับพวกร่วมกันหลอกลวงโจทก์และโจทก์ไปร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนให้ดำเนินคดีแก่จำเลยที่ 1 กับพวกในวันที่ 26 กันยายน 2558 จึงเป็นการร้องทุกข์ภายในสามเดือนนับแต่วันที่รู้เรื่องความผิดและรู้ตัวผู้กระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 96 แล้ว แม้โจทก์จะฟ้องคดีนี้เกินกว่าสามเดือน แต่ยังไม่พ้นอายุความตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 95 (3) ซึ่งอนุญาตให้ฟ้องคดีภายในสิบปี นับแต่วันกระทำความผิด คดีของโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ ส่วนที่โจทก์ขอถอนคำร้องทุกข์ในคดีอาญาหมายเลขดำที่ 1238/2560 ของศาลแขวงลพบุรีนั้น ก็ปรากฏว่าโจทก์ถอนคำร้องทุกข์เพราะโจทก์ฟ้องคดีนี้และศาลชั้นต้นได้ประทับฟ้องไว้แล้ว ไม่ได้ถอนคำร้องทุกข์โดยเจตนาที่จะไม่เอาผิดแก่จำเลยที่ 1 แต่อย่างใด ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 วินิจฉัยว่าคดีของโจทก์ไม่ขาดอายุความมานั้นชอบแล้ว ฎีกาของจำเลยที่ 1 ในข้อนี้ฟังไม่ขึ้นเช่นกัน

พิพากษายืน

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา อ.2207/2562

แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ชื่อคู่ความ โจทก์ - นางสาว อ. จำเลย - นางสาว ช. กับพวก

ชื่อองค์คณะ ปกรณ์ วงศาโรจน์ ประทีป อ่าววิจิตรกุล เอกศักดิ์ ยันตรปกรณ์

ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ที่ตัดสิน ศาลจังหวัดลพบุรี - นางสาวพิชาณี สำเภาเงิน ศาลอุทธรณ์ภาค 1 - นายวรนันท์ ประถมปัทมะ

ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th
ติดต่อเราทาง LINE