สารบัญ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2677/2530

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2677/2530

ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ม. 224, 242, 249 พระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 ม. 91, 94, 153, 179

กรณีที่เจ้าหนี้ในคดีล้มละลายยื่นคำขอรับชำระหนี้ที่มีจำนวนทุนทรัพย์ไม่เกินสองหมื่นบาท ต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 224 ประกอบด้วยพระราชบัญญัติล้มละลาย พุทธศักราช 2483 มาตรา 153 การอุทธรณ์โต้แย้งดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลชั้นต้นเป็นอุทธรณ์ในข้อเท็จจริง ศาลอุทธรณ์ไม่มีอำนาจวินิจฉัยถึงแม้ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยให้ก็ถือไม่ได้ว่าเป็นข้อที่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลอุทธรณ์ เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จึงไม่มีสิทธิยกปัญหาดังกล่าวขึ้นฎีกาได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 ประกอบด้วยพระราชบัญญัติล้มละลาย พุทธศักราช 2483 มาตรา 153.

เนื้อหาฉบับเต็ม

กรณีสืบเนื่องจากศาลได้มีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ลูกหนี้ (จำเลย)เด็ดขาด เจ้าหนี้ยื่นคำขอรับชำระหนี้อ้างว่าลูกหนี้ (จำเลย) ค้างชำระค่าสินค้าเจ้าหนี้อยู่ เป็นเงิน 9,000 บาท และได้ออกเช็คสั่งจ่ายเงิน 9,000 บาท ให้เจ้าหนี้ไว้ เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เสนอความเห็นต่อศาลชั้นต้นขอให้สั่งยกคำขอรับชำระหนี้ของเจ้าหนี้ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พุทธศักราช 2483 มาตรา 107 (1)

ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้เจ้าหนี้ได้รับชำระหนี้เป็นเงิน 9,000บาท

เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า อุทธรณ์ของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ว่าพยานหลักฐานที่เจ้าหนี้นำมาแสดงชั้นเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์คงมีแต่สำเนาคำรับรองของนายทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทท้ายคำขอกับพยานบุคคลซึ่งเป็นพยานบอกเล่า และเจ้าหนี้มิได้นำพยานหลักฐานมาแสดงเพิ่มเติมตามคำสั่งของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จึงยังไม่พอรับฟังว่าเจ้าหนี้เป็นนิติบุคคลตามกฎหมายและมีสิทธิยื่นคำขอให้ลูกหนี้ (จำเลย) ชำระหนี้ ชอบที่ศาลจะต้องยกคำขอเสียนั้น เป็นการโต้แย้งดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลชั้นต้น จึงเป็นอุทธรณ์ในข้อเท็จจริง เมื่อคดีในชั้นนี้เป็นกรณีเจ้าหนี้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ที่มีจำนวนทุนทรัพย์ไม่เกินสองหมื่นบาท จึงต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 224 ประกอบด้วยพระราชบัญญัติล้มละลาย พุทธศักราช 2483 มาตรา 153 ศาลอุทธรณ์ไม่มีอำนาจวินิจฉัยถึงแม้ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยให้ก็ถือไม่ได้ว่าเป็นข้อที่ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลอุทธรณ์เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จึงไม่มีสิทธิยกปัญหาดังกล่าวขึ้นฎีกาได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 ประกอบด้วยพระราชบัญญัติล้มละลาย พุทธศักราช 2483 มาตรา 153

พิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์และยกฎีกาของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ คงให้บังคับคดีไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้คืนค่าขึ้นศาลชั้นฎีกาทั้งหมดแก่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์.

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา nan

แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ชื่อคู่ความ โจทก์ - บริษัท ไทย แลนด์ยูเนียนเทรดเดอร์ส จำกัด โจทก์ - เจ้าหนี้ โจทก์ - บริษัท อา ร์ เอส ฟิล์ม รีโปรดักชั่น จำกัด จำเลย - บริษัท ลอบ สเตอร์ จำกัด

ชื่อองค์คณะ คำนึง อุไรรัตน์ ดุสิต วราโห สวัสดิ์ รอดเจริญ

ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ที่ตัดสิน nan

ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th
ติดต่อเราทาง LINE