สารบัญ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2496/2540

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2496/2540

ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ม. 229 พระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 ม. 153

การยื่นอุทธรณ์ในคดีล้มละลายในส่วนที่ผู้อุทธรณ์ต้องวางเงินค่าธรรมเนียมที่ตนต้องใช้แทนอีกฝ่ายหนึ่งนั้นพระราชบัญญัติล้มละลายพ.ศ.2483ไม่ได้บัญญัติไว้โดยเฉพาะจึงต้องนำประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา229ที่ว่าผู้อุทธรณ์ต้องนำเงินค่าธรรมเนียมซึ่งจะต้องใช้แก่คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งตามคำพิพากษาหรือคำสั่งมาวางศาลพร้อมกับอุทธรณ์นั้นมาใช้บังคับโดยอนุโลมหมายความว่าคู่ความฝ่ายที่จะได้รับชดใช้ค่าธรรมเนียมคืนจากคู่ความอีกฝ่ายหนึ่งนั้นจะต้องได้เสียค่าธรรมเนียมไปจริงจึงมีสิทธิจะได้รับชดใช้คืนเมื่อผู้คัดค้านไม่ได้เสียค่าธรรมเนียมใดๆในการดำเนินคดีนี้เลยผู้ร้องจึงไม่ต้องนำเงินค่าธรรมเนียมมาวางศาลพร้อมกับอุทธรณ์

เนื้อหาฉบับเต็ม

คดีสืบเนื่องมาจากผู้คัดค้านมีหนังสือแจ้งยืนยันหนี้ไปยังผู้ร้องว่า ผู้ร้องเป็นหนี้ค่าเช่าแก่จำเลย จึงขอให้ผู้ร้องชำระค่าเช่าที่ค้างเดือนละ 15,000 บาท นับตั้งแต่เดือนกันยายน 2534เป็นต้นไปจนกว่าจะออกจากสถานที่เช่าพร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ7.5 ต่อปี ในต้นเงินที่ค้างชำระจนกว่าจะชำระเสร็จต่อผู้คัดค้าน

ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า ผู้ร้องไม่ได้เป็นหนี้จำเลยดังที่ผู้คัดค้านเรียกให้ชำระหนี้ขอให้ศาลมีคำสั่งจำหน่ายชื่อผู้ร้องออกจากบัญชีลูกหนี้ของผู้คัดค้าน

ผู้คัดค้านยื่นคำคัดค้านว่า คำให้การของผู้ร้องกับคำให้การของจำเลยต่อผู้คัดค้านขัดกัน ไม่อาจรับฟังได้ ขอให้ยกคำร้อง

ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วมีคำสั่งให้ยกคำร้อง

ผู้ร้องอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า ผู้ร้องยื่นอุทธรณ์โดยไม่นำเงินค่าธรรมเนียมที่จะต้องใช้แทนผู้คัดค้านมาวางศาลพร้อมอุทธรณ์เป็นการไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 229 พิพากษายกอุทธรณ์ของผู้ร้อง

ผู้ร้อง ฎีกา

ศาลฎีกาแผนกคดีล้มละลายวินิจฉัยว่า "มีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยในชั้นนี้ว่าคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ที่ให้ยกอุทธรณ์ของผู้ร้องชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ ผู้ร้องฎีกาว่าแม้ศาลชั้นต้นจะมีคำสั่งให้ผู้ร้องใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนผู้คัดค้านก็ตาม แต่ผู้คัดค้านไม่ได้เสียค่าฤชาธรรมเนียมแต่อย่างใด ส่วนค่าทนายความศาลชั้นต้นก็ไม่ได้กำหนดให้ผู้ร้องใช้แทน เพราะผู้คัดค้านดำเนินคดีเอง จึงไม่มีค่าฤชาธรรมเนียมที่ผู้ร้องจะต้องใช้แทนผู้คัดค้าน ผู้ร้องเสียค่าธรรมศาลถูกต้องครบถ้วนและศาลชั้นต้นก็สั่งให้รับอุทธรณ์ของผู้ร้องแล้วอุทธรณ์ของผู้ร้องจึงชอบด้วยกฎหมายนั้น เห็นว่า พระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 153 บัญญัติว่า "กระบวนพิจารณาคดีล้มละลายให้ดำเนินเป็นการด่วน ส่วนใดที่พระราชบัญญัติไว้โดยเฉพาะให้นำบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาใช้บังคับโดยอนุโลม" สำหรับการยื่นอุทธรณ์ในคดีล้มละลายในส่วนที่ผู้อุทธรณ์ต้องวางเงินค่าธรรมเนียมที่ตนต้องใช้แทนอีกฝ่ายหนึ่งนั้นพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 ไม่ได้บัญญัติไว้โดยเฉพาะจึงต้องนำประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 229 มาใช้บังคับโดยอนุโลม ซึ่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 229ที่ว่าผู้อุทธรณ์ต้องนำเงินค่าธรรมเนียมซึ่งจะต้องใช้แก่คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งตามคำพิพากษาหรือคำสั่งมาวางศาลพร้อมกับอุทธรณ์นั้น มีความหมายว่า คู่ความฝ่ายที่จะได้รับชดใช้ค่าธรรมเนียมคืนจากคู่ความอีกฝ่ายหนึ่งนั้น จะต้องได้เสียค่าธรรมเนียมไปจริง จึงมีสิทธิจะได้รับชดใช้คืน เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าผู้คัดค้านไม่ได้เสียค่าธรรมเนียมใด ๆ ในการดำเนินคดีนี้เลย ผู้ร้องจึงไม่ต้องนำเงินค่าธรรมเนียมมาวางศาลพร้อมกับอุทธรณ์ คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา ฎีกาของผู้ร้องฟังขึ้น"

พิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาอุทธรณ์ของผู้ร้องแล้วมีคำพิพากษาใหม่ตามรูปคดี

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา nan

แหล่งที่มา สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ชื่อคู่ความ โจทก์ - ธนาคาร กรุงเทพ จำกัด ผู้ร้อง - นางสาว รัตนา ช่วยชูหนู ผู้คัดค้าน - เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ จำเลย - นาย สมบูรณ์ นิ่มกรชัย

ชื่อองค์คณะ สมชัย สายเชื้อ ทวีชัย เจริญบัณฑิต พิชัย เตโชพิทยากูล

ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ที่ตัดสิน nan

ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th
ติดต่อเราทาง LINE