สารบัญ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 240/2523

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 240/2523

พระราชบัญญัติการทะเบียนคนต่างด้าว พ.ศ.2493 ม. 5, 20 ประมวลกฎหมายอาญา ม. 95 (5)

จำเลยเป็นคนต่างด้าวที่มีอายุเกิน 12 ปีแล้ว อยู่ในราชอาณาจักรไทยตลอดมาโดยไม่มีใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าวตามพระราชบัญญัติทะเบียนคนต่างด้าว พ.ศ. 2493 มาตรา 5 จำเลย ต้องมีใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าว ถ้าไม่มีก็เป็นความผิดซึ่งมาตรา 20 กำหนดโทษปรับเป็นรายปี ปีละไม่เกิน 500 บาท ตลอดเวลาที่จำเลยไม่มีใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าว ความผิดดังกล่าวเป็นความผิดสำเร็จในแต่ละปีไม่ใช่ความผิดต่อเนื่อง ความผิดในปีสุดท้ายจึงไม่ขาดอายุความ

เนื้อหาฉบับเต็ม

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้กระทำผิดหลายกรรมคือ

ก. จำเลยเป็นคนต่างด้าวเชื้อชาติจีน สัญชาติจีน ได้เข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรไทยตั้งแต่วันที่ 8 ธันวาคม 2489 โดยไม่มีใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าวตั้งแต่อายุกว่า 12 ปี เริ่ม พ.ศ. 2494 ถึงปัจจุบัน คือปี 2521รวมเวลา 27 ปี

ข. เมื่อวันที่ 14 มิถุนายน 2519 เวลากลางวัน จำเลยซึ่งเป็นคนต่างด้าวได้บังอาจยื่นคำร้องขอรับบัตรประชาชนโดยแจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่นายพูลพงษ์พนักงานเจ้าหน้าที่ดำเนินการเกี่ยวกับบัตรประชาชนประจำอำเภอเมืองพิษณุโลกว่าตนมีสัญชาติไทย ทำให้พนักงานเจ้าหน้าที่หลงเชื่อจึงออกบัตรประจำตัวให้กับจำเลยไป ทำให้เจ้าหน้าที่ดังกล่าวและรัฐเสียหาย

เหตุทั้งหมดเกิดที่ตำบลในเมือง อำเภอเมืองพิษณุโลก จังหวัดพิษณุโลกขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติการทะเบียนคนต่างด้าว พ.ศ. 2493 มาตรา 5, 20 พระราชบัญญัติการทะเบียนคนต่างด้าว (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2495มาตรา 4 พระราชบัญญัติบัตรประจำตัวประชาชน พ.ศ. 2505 มาตรา 17ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 137

จำเลยให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า ความผิดฐานไม่มีใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าวมีอายุความฟ้องร้อง 1 ปี คดีขาดอายุความเฉพาะที่เกิด 1 ปี คงลงโทษจำเลยได้เพียงในระยะหลังซึ่งยังอยู่ในอายุความฟ้องร้อง 1 ปีเท่านั้น พิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติการทะเบียนคนต่างด้าว พ.ศ. 2493มาตรา 5, 20 พระราชบัญญัติการทะเบียนคนต่างด้าว (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2495ลงโทษปรับ 500 บาท และตามมาตรา 17 แห่งพระราชบัญญัติบัตรประจำตัวประชาชน พ.ศ. 2505 กับประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 137 แต่ให้ลงโทษตามมาตรา 17 แห่งพระราชบัญญัติบัตรประจำตัวประชาชน พ.ศ. 2505ซึ่งเป็นบทหนักให้จำคุก 3 เดือน ปรับ 1,000 บาท รวมโทษจำคุก 3 เดือนปรับ 1,500 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปี ไม่ชำระค่าปรับจัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30

จำเลยอุทธรณ์ ศาลชั้นต้นสั่งรับอุทธรณ์เฉพาะข้อกฎหมายที่ว่า ฟ้องโจทก์ขาดอายุความเกี่ยวกับความผิดคนต่างด้าวไม่มีใบสำคัญประจำตัวและรับอุทธรณ์ในความผิดฐานแจ้งความเท็จ

ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า ความผิดฐานไม่มีใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าวโจทก์ฟ้องเมื่อพ้น 1 ปี นับแต่วันกระทำผิด คดีโจทก์ขาดอายุความตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 95 พิพากษาแก้เป็นว่าให้ยกฟ้องโจทก์เฉพาะข้อหาตามพระราชบัญญัติการทะเบียนคนต่างด้าว นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

โจทก์ฎีกาว่าความผิดฐานไม่มีใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าวปีสุดท้ายไม่ขาดอายุความ

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังได้เป็นยุติตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นว่าจำเลยเป็นคนต่าวด้าวมีอายุเกิน 12 ปีแล้ว และอยู่ในราชอาณาจักรตลอดมาจนบัดนี้โดยไม่มีใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าว เห็นว่าตามพระราชบัญญัติการทะเบียนคนต่างด้าว พ.ศ. 2493 มาตรา 5 จำเลยต้องมีใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าว ถ้าไม่มีก็เป็นความผิดซึ่งมาตรา 20 กำหนดโทษปรับเป็นรายปีปีละไม่เกิน 500 บาท ตลอดเวลาที่จำเลยไม่มีใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าวความผิดดังกล่าวเป็นความผิดสำเร็จในแต่ละปี ไม่ใช่ความผิดต่อเนื่อง ความผิดปีสุดท้ายจึงไม่ขาดอายุความ

พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้บังคับคดีไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา nan

แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ชื่อคู่ความ โจทก์ - พนักงานอัยการประจำศาลแขวงเชียงใหม่ จำเลย - นางลั้ง หรือโซ้ลั้ง แซ่เจี่ย หรือดวงรัตนประทีป

ชื่อองค์คณะ สุวัฒน์ รัตรสาร จันทร์ ระรวยทรง สุไพศาล วิบุลศิลป์

ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ที่ตัดสิน nan

ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th
ติดต่อเราทาง LINE