คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 238/2523
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ม. 109
จำเลยปลูกตึกในที่ดินของผู้ร้อง ปลูกยังไม่เสร็จจำเลยยกตึกให้ผู้ร้องใช้หนี้เงินยืม ตึกเป็นของผู้ร้องในฐานะส่วนควบ โดยไม่ต้องจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์
ในการบังคับคดีโจทก์นำยึดตึกในที่ดินของผู้ร้อง ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ถอนการยึด โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า "จำเลยจะพูดยกให้ผู้ร้องหรือนางหวลมารดาก็ฟังได้ว่า จำเลยได้ยกบ้านพิพาทให้แก่ฝ่ายผู้ร้องแล้วหลังจากนั้นจำเลยก็ไม่ได้เข้าเกี่ยวข้องกับบ้านพิพาทอีก ข้อเท็จจริงจึงฟังได้ว่า จำเลยได้ยกตึกพิพาทให้กับฝ่ายผู้ร้องเป็นการชำระหนี้เงินยืมแล้ว ดังที่ผู้ร้องนำสืบ ตึกพิพาทย่อมตกเป็นกรรมสิทธิ์ของนางหวลมารดาผู้ร้อง ซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินในฐานะเป็นส่วนควบของที่ดินไปในตัวตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 107โดยจำเลยไม่จำต้องไปทำการโอนกรรมสิทธิ์ในตึกพิพาทให้แก่นางหวลมารดาผู้ร้องดังที่โจทก์ฎีกาแต่ประการใด เมื่อนางหวลมารดาได้ยกที่ดินโฉนดเลขที่ 55098 ที่ปลูกตึกพิพาทให้แก่ผู้ร้อง ตึกพิพาทซึ่งเป็นส่วนควบของที่ดินจึงตกมาเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ร้องด้วย ผู้ร้องย่อมขอให้ปล่อยตึกพิพาทจากการยึดของเจ้าพนักงานบังคับคดีได้"
พิพากษายืน
หมายเลขคดีดำศาลฎีกา nan
แหล่งที่มา เนติบัณฑิตยสภา
ชื่อคู่ความ โจทก์ - นายชาญ เหลาห์พิกุล จำเลย - นายบัญชา กิจพาณิช ผู้ร้อง - นางสุจิตรา ถีรพลฤกษ์
ชื่อองค์คณะ ชุบ วีระเวคิน อัมพล สุวรรณภักดี สง่า อำพันแสง
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ที่ตัดสิน nan