สารบัญ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2319/2542

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2319/2542

ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ม. 30, 456 ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ม. 94

ไม่ปรากฏว่าโจทก์มีอาการป่วยทางสมองอย่างชัดแจ้งถึงขนาดเป็นคนวิปลาส ขาดความรำลึก ขาดความรู้สึก และขาดความรับผิดชอบ เนื่องจากโจทก์ยังคงช่วยเหลือตนเองได้ในระดับกิจวัตรประจำวัน มีการตัดสินใจพอใช้ มีสติสัมปชัญญะรู้ได้ในระดับทั่วไป และสามารถพูดจาโต้ตอบได้ อีกทั้งยังปรากฏว่าโจทก์ทำนิติกรรมขายที่ดินพร้อมบ้านพิพาทหลังจากโจทก์ไปทำงานตามปกติประมาณ 1 เดือน ซึ่งโจทก์ระบุว่าเหตุที่ไปทำงานเพื่อที่จะได้วันเวลาราชการโดยไม่ต้องลาป่วยหรือขาดราชการ ซึ่งแสดงให้เห็นอย่างชัดแจ้งว่า โจทก์มีความรำลึก มีความรู้สึก และมีความรับผิดชอบเช่นบุคคลที่มีสติสัมปชัญญะทั่วๆ ไป อาการป่วยของโจทก์จึงไม่ใช่เป็นบุคคลวิกลจริตตามที่บัญญัติไว้ใน ม. 30 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ การจดทะเบียนขายที่ดินพร้อมบ้านพิพาทระหว่างโจทก์จำเลยทั้งสองจึงไม่ตกเป็นโมฆียะตาม ม. 30 ดังกล่าว ดังนั้นนิติกรรมการขายที่ดินพร้อมบ้านพิพาทสมบูรณ์ โจทก์จึงไม่มีสิทธิบอกล้างนิติกรรมดังกล่าวเพื่อเพิกถอนนิติกรรมและไม่มีสิทธิฟ้องขอให้เพิกถอนนิติกรรมขายที่ดินพร้อมบ้านพิพาทได้

หนังสือสัญญาซื้อขายที่ดินดังกล่าวระบุว่า ผู้ขายยอมขายที่ดินแปลงดังกล่าวพร้อมสิ่งปลูกสร้างเป็นเงินราคา 400,000 บาท ผู้ซื้อได้ชำระและผู้ขายได้รับเงินค่าที่ดินรายนี้เสร็จแล้ว เมื่อการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ต้องทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ตาม ป.พ.พ. มาตรา 456 การที่โจทก์นำพยานบุคคลมาสืบว่า ในวันทำหนังสือสัญญาขายที่ดินดังกล่าวโจทก์ไม่เคยได้รับค่าที่ดินและบ้านพิพาทจำนวน 400,000 บาท จากจำเลยทั้งสอง เป็นการนำสืบเปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อความในหนังสือสัญญาขายที่ดินตามเอกสารหมาย จ.2 ต้องห้ามมิให้ศาลยอมรับฟังตาม ป.วิ.พ. มาตรา 94 ดังนั้นจึงต้องฟังตามหนังสือสัญญาขายที่ดินว่า โจทก์ได้รับชำระราคาที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างที่ขายจากจำเลยทั้งสองเป็นเงิน 400,000 บาท ตามที่ปรากฏในหนังสือสัญญาขายที่ดิน

เนื้อหาฉบับเต็ม

โจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนนิติกรรมซื้อขายที่ดินพิพาทซึ่งเป็นโมฆะ และให้จำเลยทั้งสองจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดที่ดินเลขที่ 21067 ตำบลสันทรายหลวง อำเภอสันทราย จังหวัดเชียงใหม่ พร้อมสิ่งปลูกสร้างโดยปลอดภาระจำยอมหรือสิทธิใด ๆ เหนือที่ดิน และสิ่งปลูกสร้างภายใน 15 วัน หากจำเลยทั้งสองไม่ปฏิบัติตามให้ถือคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลยทั้งสอง

จำเลยทั้งสองให้การขอให้ยกฟ้อง

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้เพิกถอนการซื้อขายและจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดที่ดินเลขที่ 21067 พร้อมสิ่งปลูกสร้าง ระหว่างโจทก์กับจำเลยทั้งสอง ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ คำขออื่นให้ยก

จำเลยทั้งสองอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ

จำเลยทั้งสองฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงในเบื้องต้นรับฟังได้ว่า โจทก์รับราชการอยู่ที่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ โจทก์เป็นพี่สาวจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 2 เป็นภรรยาจำเลยที่ 1 วันที่ 6 สิงหาคม 2534 โจทก์ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์เป็นเหตุให้โจทก์ได้รับอันตรายสาหัส ต้องรักษาตัวที่โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ตั้งแต่วันเกิดเหตุเป็นเวลา 146 วัน โจทก์จึงเริ่มทำงานได้ที่ทำงานเดิมในวันที่ 2 มกราคม 2535 ต่อมาวันที่ 30 มกราคม 2535 โจทก์จดทะเบียนไถ่ถอนจำนองที่ดินโฉนดที่ดินเลขที่ 21067 ซึ่งเป็นที่ดินพิพาทที่โจทก์จำนองไว้แก่ธนาคารไทยทนุ จำกัด และในวันเดียวกันโจทก์ได้จดทะเบียนขายที่ดินพิพาทดังกล่าวพร้อมบ้านตึกชั้นเดียว 1 หลัง ให้แก่จำเลยทั้งสองตามสำเนาหนังสือสัญญาขายที่ดินและสำเนาโฉนดที่ดิน คดีมีปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาจำเลยทั้งสองประการแรกว่า ขณะโจทก์จดทะเบียนขายที่ดินพร้อมบ้านพิพาทให้แก่จำเลยทั้งสอง โจทก์เป็นบุคคลวิกลจริตหรือไม่ เห็นว่า อาการป่วยของโจทก์ไม่ปรากฏว่ามีอาการป่วยทางสมองอย่างชัดแจ้งถึงขนาดเป็นคนสติวิปลาส ขาดความรำลึก ขาดความรู้สึก และขาดความรับผิดชอบ เนื่องจากโจทก์ยังคงช่วยเหลือตนเองได้ในระดับกิจวัตรประจำวัน มีการตัดสินใจพอใช้ มีสติสัมปชัญญะรับรู้ได้ในระดับทั่วไป และสามารถพูดจาโต้ตอบได้และยังปรากฏอีกว่า โจทก์ได้ทำนิติกรรมขายที่ดินพร้อมบ้านพิพาทหลังจากโจทก์ไปทำงานตามปกติประมาณ 1 เดือน ซึ่งโจทก์ระบุว่าเหตุที่ไปทำงานเพื่อที่จะได้วันเวลาราชการไม่ต้องลาป่วยหรือขาดราชการ ซึ่งแสดงให้เห็นอย่างชัดแจ้งว่า โจทก์มีความรำลึก มีความรู้สึก และมีความรับผิดชอบ เช่นบุคคลที่มีสติสัมปชัญญะดีทั่ว ๆ ไป อาการป่วยของโจทก์จึงไม่ใช่เป็นบุคคลวิกลจริตตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 30 แห่ง ป.พ.พ. การจดทะเบียนขายที่ดินพร้อมบ้านพิพาทระหว่างโจทก์กับจำเลยทั้งสองจึงไม่ตกเป็นโมฆียะตามมาตรา 30 ดังกล่าว แต่นิติกรรมการขายที่ดินพร้อมบ้านพิพาทสมบูรณ์ ปัญหาต่อไปมีว่า จำเลยทั้งสองต้องจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินพร้อมบ้านพิพาทให้แก่โจทก์หรือไม่ ในปัญหานี้เมื่อข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า นิติกรรมการขายที่ดินพร้อมบ้านพิพาทสมบูรณ์ดังได้วินิจฉัยมาแล้ว โจทก์จึงไม่มีสิทธิบอกล้างนิติกรรมดังกล่าวเพื่อเพิกถอนนิติกรรมนั้นได้ โจทก์จึงไม่มีสิทธิฟ้องขอให้เพิกถอนนิติกรรมขายที่ดินพร้อมบ้านพิพาทได้

ปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาจำเลยทั้งสองประการสุดท้ายว่าโจทก์ได้รับเงินค่าที่ดินและบ้านพิพาทจากจำเลยทั้งสองแล้วหรือไม่ ซึ่งโจทก์แก้ฎีกาว่า โจทก์ยังไม่เคยได้รับเงินจากจำเลยทั้งสองนั้น เห็นว่า เมื่อได้วินิจฉัยมาดังกล่าวข้างต้นแล้วว่า นิติกรรมการขายที่ดินและบ้านพิพาทตามหนังสือสัญญาขายที่ดินเอกสารหมาย จ. 2 สมบูรณ์ หนังสือสัญญาขายที่ดินดังกล่าวระบุว่า ผู้ขายยอมขายที่ดินแปลงดังกล่าวพร้อมสิ่งปลูกสร้างเป็นราคาเงิน 400,000 บาท ผู้ซื้อได้ชำระและผู้ขายได้รับเงินค่าที่ดินรายนี้เสร็จแล้ว แสดงว่าโจทก์ (ผู้ขาย) ยอมรับว่าจำเลย (ผู้ซื้อ) ได้ชำระเงินค่าที่ดินและบ้านพิพาททั้งหมดให้โจทก์แล้วในวันทำสัญญา เมื่อการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ต้องทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ตาม ป.พ.พ. มาตรา 456 การที่โจทก์นำพยานบุคคลมาสืบว่า ในวันทำหนังสือสัญญาขายที่ดินดังกล่าวโจทก์ไม่เคยได้รับเงินค่าที่ดินและบ้านพิพาทจำนวน 400,000 บาท จากจำเลยทั้งสอง เป็นการนำสืบเปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อความในหนังสือสัญญาขายที่ดินตามเอกสารหมาย จ.2 ต้องห้ามมิให้ศาลยอมรับฟังตาม ป.วิ.พ. มาตรา 94 ดังนั้น จึงต้องฟังตามหนังสือสัญญาขายที่ดินว่า โจทก์ได้รับชำระราคาที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างที่ขายจากจำเลยทั้งสองเป็นเงิน 400,000 บาท ตามที่ปรากฏในหนังสือสัญญาขายที่ดินดังกล่าว

พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสามศาลให้เป็นพับ.

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา nan

แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ชื่อคู่ความ โจทก์ - นางผ่องศรี ทนันไชยหรือป้อมลอย จำเลย - นายสมจิตต์ ทนันไชย กับพวก

ชื่อองค์คณะ ชวลิต ธรรมฤาชุ ทวีชัย เจริญบัณฑิต เดิมพัน จรรยามั่น

ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ที่ตัดสิน ศาลจังหวัดเชียงใหม่ - นายปรเมษฐ์ โตวิวัฒน์ ศาลอุทธรณ์ภาค 2 - นายสมศักดิ์ เทวรักษ์กุล

ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th
ติดต่อเราทาง LINE