สารบัญ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2292/2540

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2292/2540

ประมวลกฎหมายอาญา ม. 59 ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ม. 158 (5), 174, 192 วรรคหนึ่ง

โจทก์มิได้บรรยายฟ้องว่าจำเลยกระทำโดยประมาทขับรถล้ำเส้นแบ่งกลางถนนเข้าไปชนรถจักรยานยนต์ที่ผู้ตายขับในช่องเดินรถของผู้ตายแต่อย่างใดการที่โจทก์ร่วมนำสืบไปในทำนองเช่นนั้นจึงเป็นการนำสืบนอกคำฟ้องไม่อาจรับฟังได้ ผู้ตายเป็นฝ่ายขับรถจักรยานยนต์ล้ำเส้นแบ่งกลางถนนเข้ามาชนกับรถยนต์กระบะที่จำเลยขับในช่องเดินรถของจำเลยเมื่อไม่ปรากฎจากการนำสืบของโจทก์ว่าจำเลยกระทำโดยประมาทตามที่โจทก์บรรยายในคำฟ้องย่อมไม่อาจรับฟังได้ว่าจำเลยไม่อาจรับฟังได้ว่าจำเลยได้กระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้ตายถึงแก่ความตาย

เนื้อหาฉบับเต็ม

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน 2536 เวลากลางคืนหลังเที่ยง จำเลยขับรถยนต์ด้วยความประมาทปราศจากความระมัดระวังซึ่งบุคคลในภาวะเช่นจำเลยจะต้องมีตามวิสัยและพฤติการณ์กล่าวคือ จำเลยขับรถยนต์ด้วยความเร็วสูง เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุซึ่งเป็นชุมชน จำเลยเห็นอยู่แล้วว่าขณะนั้นมีนายนพดล โม่งคำ กำลังขับรถจักรยานยนต์แล่นสวนทางมา จำเลยควรลดความเร็วลงและขับรถยนต์ให้ชิดขอบทางด้านซ้ายเพื่อมิให้เฉี่ยวชนกับรถคันอื่น แต่จำเลยยังคงขับรถยนต์ด้วยความเร็วสูงด้วยความประมาทปราศจากความระมัดระวังน่าหวาดเสียวอันอาจเกิดอันตรายแก่บุคคลหรือทรัพย์สิน เป็นเหตุให้รถยนต์ที่จำเลยขับพุ่งเข้าเฉี่ยวชนรถจักรยานยนต์ที่นายนพดลขับจนแฉลบล้มได้รับความเสียหาย และนายนพดลถึงแก่ความตาย เหตุเกิดที่ตำบลจรเข้ อำเภอหนองเรือ จังหวัดขอนแก่น ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 291 พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ.2522มาตรา 43, 157

จำเลยให้การปฎิเสธ

ระหว่างพิจารณา นางบวร โม่งคำ มารดาของนายนพดลผู้ตาย ยื่นคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ ศาลชั้นต้นอนุญาตให้นางบวรเข้าร่วมเป็นโจทก์เฉพาะในความผิดฐานขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย

ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง

โจทก์ร่วมอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษากลับ จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 291 จำคุก 2 ปี

จำเลย ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติโดยคู่ความมิได้ฎีกาโต้แย้งว่า ตามวันเวลาและสถานที่ที่โจทก์กล่าวในฟ้องจำเลยขับรถยนต์กระบะไปตามถนนมะลิวัลย์จากอำเภอเมืองขอนแก่นมุ่งหน้าไปทางอำเภอหนองเรือ เมื่อถึงสถานที่เกิดเหตุเกิดชนกับรถจักรยานยนต์ที่นายนพดล โม่งคำ ผู้ตายขับสวนทางมาเป็นเหตุให้ผู้ตายถึงแก่ความตาย ปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยมีว่า จำเลยได้กระทำโดยประมาทหรือไม่ ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า ผู้ตายเป็นฝ่ายขับรถจักรยานยนต์ล้ำเส้นแบ่งกลางถนนเข้าไปชนกับรถยนต์กระบะของจำเลยในช่องเดินรถของจำเลยและเนื่องจากโจทก์มิได้ฟ้องว่าจำเลยกระทำโดยประมาทขับรถล้ำเส้นแบ่งกลางถนนเข้าไปชนรถจักรยานยนต์ที่ผู้ตายขับในช่องเดินรถของผู้ตายแต่อย่างใด การที่โจทก์ร่วมนำสืบไปในทำนองเช่นนั้นจึงเป็นการนำสืบนอกคำฟ้อง ย่อมไม่อาจรับฟังได้ และเมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าผู้ตายเป็นฝ่ายขับรถจักรยานยนต์ล้ำเส้นแบ่งกลางถนนเข้ามาชนกับรถยนต์กระบะที่จำเลยขับในช่องเดินรถของจำเลยแล้ว เมื่อไม่ปรากฎจากการนำสืบของโจทก์ว่าจำเลยกระทำโดยประมาทตามที่โจทก์บรรยายในคำฟ้องมาแต่อย่างใดแล้วย่อมไม่อาจรับฟังได้ว่า จำเลยได้กระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้ตายถึงแก่ความตาย

พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา nan

แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ชื่อคู่ความ โจทก์ - พนักงานอัยการจังหวัดขอนแก่น โจทก์ - โจทก์ร่วม โจทก์ - นาง บวร โม่งคำ จำเลย - นาย นภจร เคนพรม

ชื่อองค์คณะ ระพินทร บรรจงศิลป อำนวย สุขพรหม ปรีชา นาคพันธุ์

ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ที่ตัดสิน nan

ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th
ติดต่อเราทาง LINE