คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 225/2523
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ม. 158 (5) ประมวลกฎหมายอาญา ม. 352
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยที่ 2 เป็นภรรยาจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 1 ได้รับมอบหมายจาก นาย อ. ผู้เสียหายให้เป็นผู้จัดการและเป็นผู้ดูแลโรงงานผลิตรองเท้าพลาสติคพีวีซี และมอบหมายให้เป็นผู้ดูแลรักษารับผิดชอบเกี่ยวกับทรัพย์สินต่าง ๆ ของผู้เสียหายในโรงงานดังกล่าวนั้นด้วย เมื่อวันที่12 กันยายน 2517 เวลากลางคืนหลังเที่ยง จำเลยทั้งสองได้ร่วมกันยักยอกทรัพย์ (มีรายละเอียดตามฟ้อง) รวมราคาทั้งสิ้น 218,000 บาท ของผู้เสียหายซึ่งได้มอบให้จำเลยที่ 1 ไว้สำหรับใช้และผลิตขึ้นในโรงงานดังกล่าวข้างต้นไปเป็นอาณาประโยชน์ของจำเลยทั้งสองโดยทุจริต ดังนี้ฟ้องโจทก์ได้บรรยายถึงการกระทำทั้งหลายที่อ้างว่าจำเลยได้กระทำความผิดข้อเท็จจริงและรายละเอียดที่เกี่ยวกับเวลาและสถานที่ซึ่งเกิดการกระทำนั้น ๆ อีกทั้งบุคคลหรือสิ่งของที่เกี่ยวข้องด้วยพอสมควรเท่าที่จะให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5)และครบองค์ประกอบความผิดฐานยักยอกตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 352 แล้ว ส่วนจำเลยทั้งสองจะได้ร่วมกันยักยอกทรัพย์ของผู้เสียหายไปโดยทุจริตอย่างไร เป็นรายละเอียดที่จะต้องนำสืบกันต่อไปในชั้นพิจารณา ฟ้องโจทก์ไม่เคลือบคลุม
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 2 เป็นภรรยาจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 1 ได้รับมอบหมายจากนายอมรผู้เสียหายให้เป็นผู้จัดการและเป็นผู้ดูแลกิจการโรงงานผลิตรองเท้าพลาสติคพีวีซี และมอบหมายให้เป็นผู้ดูแลรักษาและรับผิดชอบเกี่ยวกับทรัพย์สินต่าง ๆ ของผู้เสียหายภายในโรงงานดังกล่าวด้วย เมื่อวันที่ 12 กันยายน 2517เวลากลางคืนหลังเที่ยงจำเลยทั้งสองได้ร่วมกันยักยอกทรัพย์คือ รองเท้าคัชชูชนิดผูกเชือก 575 โหล พลาสติคเม็ดและทรัพย์สินอื่น (มีรายละเอียดตามฟ้อง)รวมราคาทั้งสิ้น 218,000 บาทของผู้เสียหายซึ่งได้มอบให้จำเลยที่ 1 ไว้สำหรับใช้และผลิตขึ้นในโรงงานดังกล่าวไปเป็นอาณาประโยชน์ของจำเลยทั้งสองโดยทุจริต ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 352, 83 ให้จำเลยร่วมกันคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ 218,000 บาท แก่ผู้เสียหาย
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ ทรัพย์สินต่าง ๆ ตามที่โจทก์ฟ้องเป็นของจำเลยที่ 1 ทั้งหมด
นายอมรผู้เสียหายขอเข้าร่วมเป็นโจทก์กับพนักงานอัยการ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาต
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 352 จำเลยที่ 2 มีความผิดตามมาตรา 352 ประกอบด้วยมาตรา 86จำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 6 เดือน จำคุกจำเลยที่ 2 มีกำหนด 4 เดือน ปรับ2,000 บาท รอการลงโทษจำคุกจำเลยที่ 2 ไว้มีกำหนนด 2 ปี ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 กับให้จำเลยทั้งสองคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ 218,000 บาทแก่ผู้เสียหาย
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์ขอให้ยกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า ตามคำบรรยายฟ้องไม่ได้ระบุการกระทำของจำเลยทั้งสองให้ชัดว่า จำเลยได้กระทำการอย่างใดที่โจทก์ถือว่าจำเลยกระทำความผิดฐานยักยอกมาพอสมควรเท่าที่จะให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดี จึงเป็นฟ้องเคลือบคลุม ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5) ต้องยกฟ้องตามมาตรา 161 พิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ฟ้องโจทก์ได้บรรยายว่าจำเลยที่ 2 เป็นภริยาจำเลยที่ 1จำเลยที่ 1 ได้รับมอบหมายจากนายอมรผู้เสียหายให้เป็นผู้จัดการและเป็นผู้ดูแลโรงงานผลิตรองเท้าพลาสติค พีวีซี และมอบหมายให้เป็นผู้ดูแลรักษารับผิดชอบเกี่ยวกับทรัพย์สินต่าง ๆ ของผู้เสียหายในโรงงานดังกล่าวนั้นด้วย เมื่อวันที่ 12กันยายน 2517 เวลากลางคืนหลังเที่ยง จำเลยทั้งสองได้ร่วมกันยักยอกทรัพย์(มีรายละเอียดตามฟ้อง) รวมราคาทั้งสิ้น 218,000 บาทของผู้เสียหายซึ่งได้มอบให้จำเลยที่ 1 ไว้สำหรับใช้และผลิตขึ้นในโรงงานดังกล่าวข้างต้นไปเป็นอาณาประโยชน์ของจำเลยทั้งสองโดยทุจริต เห็นว่าฟ้องโจทก์ได้บรรยายถึงการกระทำทั้งหลายที่อ้างว่าจำเลยได้กระทำความผิด ข้อเท็จจริงและรายละเอียดที่เกี่ยวกับเวลาและสถานที่ซึ่งเกิดการกระทำนั้น ๆ อีกทั้งบุคคลหรือสิ่งของที่เกี่ยวข้องด้วยพอสมควรเท่าที่จะให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5) และครบองค์ประกอบความผิดฐานยักยอกตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 352 แล้ว ส่วนจำเลยทั้งสองจะได้ร่วมกันยักยอกทรัพย์ของผู้เสียหายไปโดยทุจริตอย่างไรเป็นรายละเอียดที่จะต้องนำสืบกันต่อไปในชั้นพิจารณา จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดี จึงได้ยื่นคำให้การต่อสู้ว่า ทรัพย์สินต่าง ๆ ตามที่โจทก์ฟ้องเป็นของจำเลยที่ 1 ทั้งหมดและนำสืบตามที่ต่อสู้ไว้ในคำให้การ แม้แต่อุทธรณ์ของจำเลยก็มิได้โต้แย้งว่าฟ้องโจทก์เคลือบคลุม ศาลฎีกาจึงเห็นว่าฟ้องโจทก์ไม่เคลือบคลุม
พิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาพิพากษาใหม่ตามรูปคดี
หมายเลขคดีดำศาลฎีกา nan
แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ชื่อคู่ความ โจทก์ - พนักงานอัยการกรมอัยการ โจทก์ - โจทก์ร่วม โจทก์ - นายอมร พงษ์วิทยากรณ์ จำเลย - นายวรศักดิ์ พฤกษ์พรรณชัย กับพวก
ชื่อองค์คณะ ชลูตม์ สวัสดิทัต ชุบ วีระเวคิน สมบูรณ์ บุญภินนท์
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ที่ตัดสิน nan