สารบัญ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2084/2531

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2084/2531

ประมวลกฎหมายอาญา ม. 277, 279 พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลคดีเด็กและเยาวชน พ.ศ.2494 ม. 4, 31 (2)

การที่จำเลยข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายย่อมเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 277 วรรคแรก เมื่อไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่ามีการกระทำอนาจารอย่างอื่นแก่ผู้เสียหายอีก จะถือว่าจำเลยมีความผิดตามมาตรา 279 วรรคแรกด้วยหาได้ไม่

ศาลจังหวัดระนองไม่ใช่ศาลที่มีอำนาจพิจารณาคดีเด็กและเยาวชนตามบทวิเคราะห์ศัพท์ ในมาตรา 4 ของพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลคดีเด็กและเยาวชน พ.ศ. 2494 จึงไม่มีอำนาจเปลี่ยนโทษจำคุกเป็นส่งตัวจำเลยไปฝึกอบรมในสถานฝึกและอบรมเด็กและเยาวชนที่สถานพินิจและคุ้มครองเด็กจังหวัดสงขลา ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลคดีเด็กและเยาวชน มาตรา 31(2).

เนื้อหาฉบับเต็ม

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยกระทำอนาจารและกระทำชำเราเด็กหญิงอายุ 12ปี ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 277, 279 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2525 มาตรา 3

จำเลยให้การรับสารภาพว่า ได้กระทำอนาจาร ปฏิเสธข้อหาข่มขืนกระทำชำเรา แต่ต่อมาจำเลยให้การปฏิเสธทั้งสองประการ

ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว วินิจฉัยว่าการกระทำความผิดของจำเลยฐานกระทำอนาจารแก่เด็กอายุยังไม่เกินสิบสามปี และฐานกระทำชำเราเด็กหญิงอายุยังไม่เกินสิบสามปีนั้น เป็นการกระทำอันเป็นกรรมเดียว เป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท จึงให้ลงโทษจำเลยฐานกระทำชำเราเด็กหญิงอายุไม่เกินสิบสามปี ซึ่งมีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 พิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 277 จำเลยอายุ 16 ปี ลดมาตราส่วนโทษให้จำเลยกึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 75 แล้ว ลงโทษจำคุก 3 ปี6 เดือน เปลี่ยนโทษจำคุกเป็นส่งตัวจำเลยไปฝึกอบรมในสถานฝึกและอบรมเด็กและเยาวชนที่สถานพินิจและคุ้มครองเด็กจังหวัดสงขลา จนกว่าจำเลยจะมีอายุครบ 20 ปี

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า เชื่อได้ว่าจำเลยได้กระทำชำเราผู้เสียหายจริงแต่สำหรับความผิดฐานกระทำอนาจารแก่เด็กอายุยังไม่เกินสิบสามปีนั้น ตามข้อเท็จจริงที่ได้ความไม่ปรากฏว่ามีการกระทำอนาจารอย่างอื่นแก่ผู้เสียหายอีก นอกจากการข่มขืนกระทำชำเราอันเป็นความผิดตามมาตรา 277 วรรคแรกอยู่แล้ว จะถือว่าจำเลยมีความผิดตามมาตรา 279 วรรคแรกด้วยหาได้ไม่ สำหรับดุลพินิจในการกำหนดโทษของศาลชั้นต้นที่ลดมาตราส่วนโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 75 ให้จำคุกจำเลยมีกำหนด 3 ปี 6 เดือนนั้นชอบแล้ว และเห็นว่าคำให้การรับสารภาพของจำเลยในชั้นสอบสวนเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา สมควรลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ส่วนที่ศาลชั้นต้นเปลี่ยนโทษจำคุกเป็นส่งตัวจำเลยไปฝึกอบรมในสถานฝึกและอบรมเด็กและเยาวชนที่สถานพินิจและคุ้มครองเด็กจังหวัดสงขลาตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลคดีเด็กและเยาวชน มาตรา 31 (2) นั้น ศาลจังหวัดระนองไม่ใช่ศาลที่มีอำนาจพิจารณาคดีเด็กและเยาวชนตามบทวิเคราะห์ศัพท์ในมาตรา 4 ของพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลคดีเด็กและเยาวชน พ.ศ. 2494จึงไม่มีอำนาจเปลี่ยนโทษตามมาตรา 31 (2)

พิพากษากลับ เป็นว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา277 วรรคแรก จำเลยอายุ 16 ปี ลดมาตราส่วนโทษให้จำเลยกึ่งหนึ่งตามมาตรา 75 ให้ลงโทษจำคุก 3 ปี 6 เดือน คำให้การรับสารภาพของจำเลยในชั้นสอบสวนเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุกจำเลยมีกำหนด 2 ปี4 เดือน.

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา nan

แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ชื่อคู่ความ โจทก์ - พนักงานอัยการ จังหวัด ระนอง จำเลย - นาย สุพร หรือสุภรณ์ โพธิ์ ทอง

ชื่อองค์คณะ ไมตรี กลั่นนุรักษ์ วิฑูรย์ ตั้งตรงจิตต์ ประวิทย์ ขัมภรัตน์

ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ที่ตัดสิน nan

ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th
ติดต่อเราทาง LINE