คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2024/2523
ประมวลกฎหมายอาญา ม. 56, 91
ในกรณีที่จำเลยกระทำความผิดหลายกรรมต่างกัน โจทก์ย่อม มีอำนาจแยกฟ้องจำเลยแต่ละคดีเป็นรายกระทงความผิด การวินิจฉัย อัตราโทษว่าจะรอการลงโทษได้หรือไม่ จำต้องวินิจฉัยอัตราโทษที่ศาลลงในแต่ละกระทงความผิด จะรวมโทษทุกกระทงความผิดในคดีนั้น มาเป็นเกณฑ์วินิจฉัยหาได้ไม่
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยร่วมกันกระทำผิดต่อกฎหมายหลายบทหลายกระทงต่างกัน คือ ร่วมกันตัดฟันไม้ยางอันเป็นไม้หวงห้าม มีไม้ยางอันยังมิได้แปรรูปไว้ในครอบครอง และมีไม้ยางแปรรูปอันเป็นไม้หวงห้ามไว้ในครอบครอง ขอใหลงโทษตามพระราชบัญญัติป่าไม้ ฯลฯ
จำเลยทั้งหกให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยทั้งหกมีความผิดตามฟ้อง ให้เรียงกระทงลงโทษกระทงละ 2 ปี รวมเป็นโทษจำคุกคนละ 6 ปี รับสารภาพลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุกคนละ 3 ปี ของกลางริบ
จำเลยทั้งหกอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นให้รอการลงโทษจำเลยทั้งหกคนทุกกระทงความผิดไว้มีกำหนดคนละ 3 ปี นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกาว่า การที่ศาลอุทธรณ์รอการลงโทษจำคุกจำเลยโดยถือเกณฑ์เรียงกระทงโทษจำคุกที่ศาลพิพากษาลงโทษแก่จำเลยเป็นการขัดต่อประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ในกรณีที่จำเลยกระทำความผิดหลายกรรมต่างกัน โจทก์ย่อมมีอำนาจแยกฟ้องจำเลยแต่ละคดีเป็นรายกระทงความผิด การวินิจฉัยอัตราโทษว่าจะรอการลงโทษได้หรือไม่ จึงต้องวินิจฉัยอัตราโทษที่ศาลลงในแต่ละกระทงความผิด จะรวมโทษทุกกระทงความผิดในคดีนั้นมาเป็นเกณฑ์วินิจฉัยหาได้ไม่
พิพากษายืน
หมายเลขคดีดำศาลฎีกา nan
แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ชื่อคู่ความ โจทก์ - พนักงานอัยการจังหวัดนครสวรรค์ จำเลย - นายลือ ขุนเทพ กับพวก
ชื่อองค์คณะ สุวัฒน์ รัตรสาร จันทร์ ระรวยทรง สุไพศาล วิบุลศิลป์
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ที่ตัดสิน nan