สารบัญ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2020/2525

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2020/2525

ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ม. 271 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ม. 209, 210, 369, 850

สัญญาประนีประนอมยอมความกำหนดว่า โจทก์ยอมชำระเงินจำนวนหนึ่งให้แก่จำเลยภายในกำหนดหนึ่งปีนับแต่วันทำสัญญาและจำเลยจะไปจดทะเบียนโอนที่ดินให้แก่โจทก์ภายในกำหนดเจ็ดวันนับแต่วันได้รับชำระเงินนั้นเป็นการกำหนดระยะเวลาที่แน่นอนเพื่อให้โจทก์ชำระค่าที่ดิน อันเป็นสารสำคัญของสัญญาซึ่งคู่สัญญาต่างก็มีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามกำหนดระยะเวลาตามข้อสัญญาดังกล่าวเป็นคนละเรื่องกับสิทธิที่จะร้องขอให้บังคับคดีตามคำพิพากษาซึ่งมีกำหนดสิบปีนับแต่วันมีคำพิพากษา เมื่อโจทก์มิได้ชำระราคาที่ดินให้แก่จำเลยภายในกำหนดระยะเวลาตามข้อสัญญา โจทก์ย่อมตกเป็นผู้ผิดนัดและไม่มีสิทธิที่จะขอให้บังคับคดีแก่จำเลยให้โอนขายที่ดินแก่ตนได้ โจทก์จะอ้างว่ามีสิทธิบังคับคดีได้ภายในกำหนดสิบปีนับแต่วันทำสัญญาประนีประนอมยอมความหรือมีคำพิพากษาในกรณีเช่นนี้ย่อมเป็นการไม่ชอบ

เนื้อหาฉบับเต็ม

คดีนี้สืบเนื่องมาจากโจทก์จำเลยทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันว่าจำเลยทั้งสองยอมร่วมกันไปจดทะเบียนโอนที่ดินตามโฉนดให้แก่โจทก์ โดยโจทก์ยอมชำระเงินจำนวน 25,000 บาท ให้แก่จำเลยที่ 2 ภายในกำหนด 1 ปีนับแต่วันทำสัญญา และเมื่อจำเลยที่ 2 ได้รับเงินจากโจทก์เรียบร้อยแล้วจำเลยทั้งสองจะไปจดทะเบียนโอนที่ดินดังกล่าวภายใน 7 วันนับแต่วันได้รับชำระเงิน ถ้าจำเลยทั้งสองไม่ไปให้ถือเอาคำพิพากษาตามยอมเป็นการแสดงเจตนาของจำเลย ต่อมาเมื่อเลยกำหนด 1 ปีแล้ว โจทก์ยื่นคำร้องต่อศาลว่า จำเลยทั้งสองไม่ยินยอมไปจดทะเบียนโอนที่ดินให้แก่โจทก์ ตามสัญญาประนีประนอมยอมความ ขอให้ศาลบังคับ

ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้อง

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า โจทก์เป็นฝ่ายมิได้ชำระเงินค่าที่ดินให้แก่จำเลยที่ 2 ภายในกำหนด 1 ปีตามที่กำหนดไว้ในสัญญาประนีประนอมยอมความในปัญหาที่ว่าโจทก์มีสิทธิบังคับคดีให้จำเลยโอนขายที่ดินแก่โจทก์ได้หรือไม่ ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า การที่โจทก์และจำเลยที่ 2 ตกลงกันตามสัญญาประนีประนอมยอมความว่า โจทก์ยอมชำระเงินจำนวน 25,000 บาท ให้แก่จำเลยที่ 2 ภายในกำหนด 1 ปี นับแต่วันทำสัญญา และจำเลยทั้งสองจะไปจดทะเบียนโอนที่ดินให้แก่โจทก์ภายในกำหนด 7 วันนับแต่วันได้รับชำระเงินนั้น เป็นการกำหนดระยะเวลาที่แน่นอนเพื่อให้โจทก์ชำระค่าที่ดิน อันเป็นสารสำคัญของสัญญาซึ่งคู่สัญญาต่างก็มีหน้าที่ต้องปฏิบัติตาม เพราะมิฉะนั้นอาจเกิดความเสียหายแก่คู่สัญญาได้ กำหนดระยะเวลาที่ต้องปฏิบัติตามข้อสัญญาดังกล่าวเป็นคนละเรื่องกับสิทธิที่จะร้องขอให้บังคับคดีตามคำพิพากษาซึ่งมีกำหนด 10 ปี นับแต่วันมีคำพิพากษา โจทก์จะอ้างว่ามีสิทธิบังคับคดีได้ภายในกำหนด 10 ปี นับแต่วันทำสัญญาประนีประนอมยอมความหรือมีคำพิพากษาในกรณีเช่นนี้ย่อมเป็นการไม่ชอบ ดังนั้นเมื่อโจทก์มิได้ชำระราคาที่ดินให้แก่จำเลยภายในกำหนดเวลา โจทก์ย่อมเป็นฝ่ายผิดนัดไม่ปฏิบัติตามข้อความในสัญญา โจทก์จึงไม่มีสิทธิที่จะขอให้บังคับคดีแก่จำเลยให้ปฏิบัติการโอนขายที่ดินแก่ตนได้

พิพากษายืน

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา nan

แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ชื่อคู่ความ โจทก์ - นายประทีป แสงเงิน จำเลย - นางกาญจนา เลื่อนลับ กับพวก

ชื่อองค์คณะ เริ่ม ธรรมดุษฎี สุทิน เลิศวิรุฬห์ อำนวย อินทุภูติ

ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ที่ตัดสิน nan

ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th
ติดต่อเราทาง LINE