คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1989/2523
ประมวลกฎหมายอาญา ม. 56 พระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ.2484 ม. 48, 69, 73
ในกรณีผู้กระทำความผิดถูกลงโทษจำคุกหลายกระทงในคดีเดียวกัน การพิจารณาว่าจะรอการลงโทษได้หรือไม่ต้องพิจารณาถึงโทษจำคุกในความผิดแต่ละกระทงที่ศาลลงแก่ผู้นั้นคดีนี้ศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษจำคุกจำเลย 3 กระทง โทษจำคุกแต่ละกระทงไม่เกินกว่า 2 ปี จึงอยู่ในดุลพินิจของศาลอุทธรณ์ที่จะรอการลงโทษให้ได้
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานมีไม้สักยังไม่แปรรูป ฐานแปรรูปไม้และฐานมีไม้สักแปรรูปไว้ในความครอบครอง เป็นการฝ่าฝืนกฎหมาย ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 มาตรา 48, 69, 73, 74 ฯลฯ ริบของกลางและสั่งให้จ่ายเงินสินบนแก่ผู้นำจับด้วย
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 มาตรา 48, 69, 73, 74 ฯลฯ จำเลยมีไม้สักยังไม่ได้แปรรูปกับไม้สักแปรรูปไว้ในความครอบครองในเวลาเดียวกัน ถือว่าเป็นการกระทำความผิดกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบทลงโทษตามพระราชบัญญัติป่าไม้ มาตรา 48 จำคุก 2 ปี ปรับ 10,000 บาท และลงโทษข้อหาแปรรูปไม้ 2 ปี ปรับ 10,000 บาท รวมจำคุก 4 ปี ปรับ 20,000 บาท จำเลยรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา เป็นเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 2 ปี ปรับ 10,000 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้ 2 ปี ฯลฯ
โจทก์อุทธรณ์ขอให้ลงโทษจำเลยทุกกระทงตามฟ้อง
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ลงโทษฐานมีไม้สักยังไม่แปรรูปจำคุก 2 ปี ปรับ 10,000 บาท ฐานแปรรูปไม้จำคุก 2 ปี ปรับ 10,000 บาท ฐานมีไม้สักแปรรูปแล้ว จำคุก 2 ปี ปรับ 10,000 บาท รวมจำคุก 6 ปี ปรับ 30,000 บาท จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา เป็นเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้กึ่งหนึ่ง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 3 ปี ปรับ 15,000 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 ถ้ากักขังแทนค่าปรับให้กักขังมีกำหนด 1 ปี นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาพิจารณาแล้ว โจทก์ฎีกาความว่าศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษจำเลย 3 กระทง รวมโทษจำคุกเกินกว่าสองปีไม่อยู่ในเกณฑ์ที่จะรอการลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 ที่ศาลอุทธรณ์รอการลงโทษให้จำเลยจึงไม่ชอบด้วยกฎหมายนั้น พิเคราะห์แล้วเห็นว่า ในกรณีผู้กระทำความผิดถูกลงโทษจำคุกหลายกระทงในคดีเดียวกัน การพิจารณาว่าจะรอการลงโทษได้หรือไม่ต้องพิจารณาถึงโทษจำคุกในความผิดแต่ละกระทงที่ศาลลงแก่ผู้นั้น คดีนี้ศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษจำคุกจำเลย 3 กระทง โทษจำคุกแต่ละกระทงไม่เกินกว่า 2 ปี จึงไม่อยู่ในดุลพินิจของศาลอุทธรณ์ที่จะรอการลงโทษให้ได้
พิพากษายืน
หมายเลขคดีดำศาลฎีกา nan
แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ชื่อคู่ความ โจทก์ - พนักงานอัยการจังหวัดตาก จำเลย - นายเฉลิม ภู่น้อง
ชื่อองค์คณะ ประสม ศรีเจริญ เพียร ศรีอรุณ สง่า อำพันแสง
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ที่ตัดสิน nan