สารบัญ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1951/2531

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1951/2531

ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ม. 241, 1336 ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ม. 145

โจทก์ฟ้องเรียกทรัพย์คืนจากจำเลย จำเลยนำทรัพย์พิพาทมาวางศาลตามคำร้องขอคุ้มครองชั่วคราวระหว่างพิจารณา ศาลชั้นต้นพิพากษาให้โจทก์ชนะคดี โจทก์ได้ขอรับทรัพย์พิพาทไป ต่อมาศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้อง คดีถึงที่สุด และจำเลยได้มาขอทรัพย์พิพาทคืนจากโจทก์ ดังนี้เมื่อคดีถึงที่สุดโดยศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์ คำพิพากษาศาลชั้นต้นที่ให้ทรัพย์พิพาทเป็นของโจทก์ย่อมสิ้นสภาพบังคับไป ศาลชั้นต้นชอบที่จะเรียกคืนทรัพย์พิพาทจากโจทก์.

เนื้อหาฉบับเต็ม

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยรับเครื่องทองรูปพรรณของโจทก์เพื่อขายให้ลูกค้าแล้วไม่ยอมคืน พนักงานอัยการได้ฟ้องจำเลยฐานยักยอกโดยโจทก์เป็นโจทก์ร่วม และมีคำขอให้คืนหรือใช้ราคาทรัพย์ด้วยศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องคดีถึงที่สุด จำเลยยังไม่ยอมคืนทรัพย์ดังกล่าว โจทก์จึงมาฟ้องขอให้คืนทรัพย์แก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ย

จำเลยให้การว่า ทรัพย์ตามฟ้องอยู่ในความครอบครองของจำเลยเนื่องจากนางบุญเหลือญาติของโจทก์นำมาค้ำประกันเงินกู้จากจำเลย โดยความยินยอมของโจทก์ ขอให้ยกฟ้อง

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยคืนทรัพย์แก่โจทก์

โจทก์ขอรับทรัพย์ที่จำเลยนำมาวางศาลไว้ ศาลอนุญาต

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าโจทก์ฟ้องซ้ำ พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง

โจทก์จำเลยไม่ฎีกา

ต่อมาจำเลยยื่นคำขอให้ศาลชั้นต้นสั่งให้โจทก์คืนทรัพย์พิพาทที่รับไปแล้วให้แก่จำเลย

ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตและหมายเรียกให้โจทก์นำทรัพย์พิพาทมาส่งคืนต่อศาล

โจทก์ยื่นคำร้องคัดค้าน

ศาลชั้นต้นสั่งยกเลิกคำสั่งศาลที่สั่งให้โจทก์นำทรัพย์ที่รับไปแล้วมาส่งคืนศาล

โจทก์ฎีกา

ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ศาลชั้นต้นเรียกทรัพย์สินพิพาทคืนจากโจทก์ตามอำนาจศาล

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า เห็นว่า การที่จำเลยส่งมอบทรัพย์พิพาท 5รายการต่อศาลชั้นต้นเป็นการวางศาลตามคำร้องที่โจทก์ขอคุ้มครองชั่วคราวระหว่างพิจารณาคดีและศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตตามขอ จำเลยจึงต้องนำทรัพย์พิพาทมาวางศาล เมื่อศาลชั้นต้นพิพากษาให้โจทก์ชนะคดี โจทก์ก็ได้มาขอรับทรัพย์พิพาทไปเมื่อวันที่ 7 กันยายน 2526 ต่อมาศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง โดยวินิจฉัยว่า โจทก์ไม่มีสิทธิฟ้องเพราะเป็นฟ้องซ้ำ โจทก์จำเลยไม่ฎีกา คดีจึงถึงที่สุด และจำเลยได้มาขอทรัพย์พิพาทคืนจากโจทก์ พิเคราะห์แล้ว เมื่อคดีนี้ถึงที่สุดโดยศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์ คำพิพากษาศาลชั้นต้นที่ให้ทรัพย์พิพาทเป็นของโจทก์ย่อมสิ้นสภาพบังคับไป โจทก์จะอาศัยสิทธิตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นไม่ได้อีกแล้ว จึงไม่มีสิทธิที่จะยึดถือครอบครองทรัพย์พิพาทอีกต่อไปหากโจทก์จำเลยตลอดจนนางบุญเหลือจะมีสิทธิอย่างไรต่อกัน ก็ชอบที่จะไปว่ากล่าวกันต่อไป ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้เรียกคืนทรัพย์พิพาทจากโจทก์นั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น

พิพากษายืน.

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา nan

แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ชื่อคู่ความ โจทก์ - นางสาว วรรธณา ประทีปวณิช จำเลย - นาง กมล หรือ มณฑา สิทธิ แพทย์

ชื่อองค์คณะ ธีรศักดิ์ กรรณสูต บุญส่ง คล้ายแก้ว ถวิล ทองสว่างรัตน์

ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ที่ตัดสิน nan

ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th
ติดต่อเราทาง LINE