สารบัญ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1908/2522

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1908/2522

พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2465 ม. 20, 20 ทวิ ประมวลกฎหมายอาญา ม. 80, 90

จำเลยมีเฮโรอีนจำนวน 740 กรัม ไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายและพยายามนำเฮโรอีนจำนวนดังกล่าวออกนอกราชอาณาจักรเป็นการกระทำกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ต้องลงโทษบทที่หนักที่สุด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90

เนื้อหาฉบับเต็ม

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกระทำความผิดต่อกฎหมายหลายบทหลายกระทงกล่าวคือ มีเฮโรอีนไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายหนัก 740 กรัม และจำเลยลักลอบนำเฮโรอีนจำนวนดังกล่าวออกนอกราชอาณาจักร แต่กระทำไม่สำเร็จเนื่องจากเจ้าพนักงานประจำด่านศุลกากรตรวจพบจับได้เสียก่อน ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2465 ฯลฯ

จำเลยให้การรับสารภาพ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดฐานมียาเสพติดให้โทษเฮโรอีนไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่าย ตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2465 มาตรา 20 ทวิ วรรคสาม พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2504 มาตรา 6 และพยายามนำยาเสพติดให้โทษเฮโรอีนออกนอกราชอาณาจักร ตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษพ.ศ. 2465 มาตรา 20 วรรคสาม พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2504 มาตรา 5 ประกอบด้วยประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 80 ให้ลงโทษฐานมีเฮโรอีนไว้ในความครอบครองและเพื่อจำหน่ายอันเป็นบทหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จำคุก 16 ปี จำเลยรับสารภาพลดโทษให้กึ่งหนึ่งคงจำคุก 8 ปี ริบของกลาง

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า เจ้าพนักงานประจำด่านศุลกากรท่าอากาศยานกรุงเทพตรวจกระเป๋าเสื้อผ้าจำเลยขณะที่จำเลยจะโดยสารเครื่องบินจากท่าอากาศยานกรุงเทพไปประเทศฮ่องกง พบเฮโรอีนจำนวน 740 กรัม บรรจุถุงพลาสติกรวมอยู่กับเสื้อผ้า เจ้าพนักงานจับจำเลยมาดำเนินคดีและยึดเฮโรอีนเป็นของกลาง คดีมีปัญหาว่าการกระทำของจำเลยเป็นความผิดฐานมีเฮโรอีนไว้เพื่อจำหน่ายกรรมหนึ่งและพยายามนำเฮโรอีนออกนอกราชอาณาจักรอีกกรรมหนึ่งดังข้อฎีกาของโจทก์หรือไม่ วินิจฉัยว่า แม้จำเลยจะมีเฮโรอีน ของกลางไว้เพื่อจำหน่าย แต่จำเลยกระทำการอันเดียวมีเจตนาประสงค์ต่อผลประการเดียวที่จะนำเฮโรอีนของกลางออกนอกราชอาณาจักรจึงเป็นการกระทำกรรมเดียว เป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ถือเป็นความผิดต่อพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2465 มาตรา 20 ทวิ พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2504 มาตรา 6 บทหนึ่ง คงเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2465 มาตรา 20 วรรคสาม พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2504 มาตรา 5 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 80 อีกบทหนึ่ง ศาลล่างทั้งสองใช้กฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดลงโทษจำเลยซึ่งเป็นกฎหมายที่ใช้ขณะกระทำความผิดและเป็นคุณแก่จำเลยชอบแล้ว

พิพากษายืน

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา nan

แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ชื่อคู่ความ โจทก์ - พนักงานอัยการกรมอัยการ จำเลย - นายยังยังชุง หรือย่งเจียว แซ่เอง

ชื่อองค์คณะ กุศล บุญยืน ปรีชา สุมาวงศ์ สุวรรณพ กองวารี

ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ที่ตัดสิน nan

ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th
ติดต่อเราทาง LINE