คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1745/2525
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ม. 185, 195, 225 ประมวลกฎหมายอาญา ม. 288, 80 พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.2490 ม. 7, 55
จำเลยเป็นสมาชิกอาสาสมัครรักษาดินแดน สังกัดกองร้อย อส.อำเภออรัญประเทศปฏิบัติหน้าที่ประจำศูนย์รับผู้อพยพลี้ภัยชาวเขมร นายอำเภอได้จ่ายอาวุธปืนคาร์ไปน์ของกลางให้ประจำตัวจำเลย ปืนของกลางจึงเป็นอาวุธปืนของทางราชการที่จ่ายให้เป็นอาวุธปืนประจำตัวของจำเลยใช้ในราชการอาสาสมัครรักษาดินแดน จำเลยไม่มีความผิดฐานมีอาวุธปืนที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตไว้ในครอบครองตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ
ปัญหาตามวรรคแรกแม้จะไม่มีประเด็นมาสู่ศาลฎีกาโดยตรงแต่เป็นปัญหาที่เกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยมีอาวุธปืนคาร์ไบน์ จำนวน 1 กระบอก พร้อมกระสุนปืน โดยมิได้รับอนุญาต และใช้อาวุธปืนดังกล่าวยิงนายสินโดยเจตนาฆ่า แต่กระสุนพลาดไปโดยนายเสงี่ยมได้รับบาดเจ็บ นายสินและนายเสงี่ยมไม่ตายสมดังเจตนาฆ่าของจำเลย ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 80, 91 พระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ พ.ศ. 2490 มาตรา 55, 78 ฯลฯ
จำเลยให้การว่า อาวุธปืนและกระสุนปืนตามฟ้องเป็นอาวุธที่ผู้บังคับบัญชามอบให้ไว้เพื่อปฏิบัติหน้าที่เพราะจำเลยเป็น อ.ส. จำเลยทำปืนลั่นถูกนายเสงี่ยมโดยประมาท ไม่มีเจตนาฆ่า
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ พ.ศ. 2490 มาตรา 78 และมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 80, 60 ให้ลงโทษจำคุก ของกลางริบ
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 300 ให้ลงโทษจำคุก นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกาว่าจำเลยกระทำผิดโดยมีเจตนาฆ่านายสิน
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยทำปืนลั่นโดยประมาท แล้ววินิจฉัยข้อกฎหมายว่า จำเลยเป็นสมาชิกอาสาสมัครรักษาดินแดน สังกัดกองร้อย อส. อำเภออรัญประเทศ ได้ปฏิบัติหน้าที่ประจำศูนย์รับผู้อพยพลี้ภัยชาวเขมรอำเภออรัญประเทศ ตามหนังสืออนุมัติสั่งใช้ของอำเภอที่ ปจ.57/1481 นายอำเภออรัญประเทศได้จ่ายอาวุธปืนประจำตัวให้คืออาวุธปืนของกลางในคดีนี้ ปืนของกลางจึงเป็นอาวุธปืนของทางราชการได้จ่ายให้เป็นอาวุธปืนประจำตัวของจำเลยใช้ในราชการอาสาสมัครรักษาดินแดน จำเลยจึงไม่มีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ ดังโจทก์ฟ้อง ในปัญหาดังกล่าวแม้จะไม่มีประเด็นมาสู่ศาลฎีกาโดยตรง แต่เป็นปัญหาที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้
พิพากษาแก้เป็นให้ยกฟ้องโจทก์ในข้อหาตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ ของกลางคืนส่วนราชการผู้เป็นเจ้าของ
หมายเลขคดีดำศาลฎีกา nan
แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ชื่อคู่ความ โจทก์ - พนักงานอัยการประจำศาลจังหวัดกบินทร์บุรี จำเลย - นายสุด ขันทอง
ชื่อองค์คณะ พูน จักรเสน สมชัย ทรัพยวณิช สมบูรณ์ บุญภินนท์
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ที่ตัดสิน nan